จากกระแสการจัดแสงไฟในกลุ่ม “จัดโต๊ะคอม” ที่โด่งดังจนมีหลายคนต้องอัปภาพห้องทำงานของตัวเองในบรรยากาศสวย ๆ กันจนเต็มฟีด ล่าสุดดูเหมือนกระแสภายในกลุ่มจะโยกย้ายมาสู่อุปกรณ์พื้นฐานอย่าง “คีย์บอร์ด” กันอีกหนึ่งไอเท็มแล้ว ซึ่งแบรนด์คีย์บอร์ดที่ถูกกล่าวถึงในรอบนี้ก็คือ คีย์ครอน (Keychron) ที่หลาย ๆ คนบอกว่า เป็นแบรนด์ที่ราคาแรงพอสมควรเลยทีเดียว
1. แบรนด์แห่งการรวมตัวของผู้หลงใหลในการพิมพ์
ตัวตนของ Keychron ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 จากการรวมทีมของผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ทั้งดีไซเนอร์ นักการตลาด ไปจนถึงคนที่อยู่ในสาย Production ที่มีความหลงไหลใน “คีย์บอร์ด” และอยากพัฒนาคีย์บอร์ดให้สามารถสร้างประสบการณ์การพิมพ์ที่น่าประทับใจ
2. เป้าหมายคือสร้างคีย์บอร์ดที่พิมพ์สนุก
สิ่งที่พวกเขาพัฒนาก็คือการสร้าง Mechanical Keyboard ที่พิมพ์สนุกมากขึ้น โดยความพิเศษของคีย์บอร์ดในกลุ่มนี้ก็คือ แต่ละแป้นพิมพ์จะแยกออกจากกัน ดังนั้น เมื่อแป้นพิมพ์ตัวใดเสียก็สามารถถอดซ่อมได้เป็นตัว ๆ ไป ไม่ต้องซ่อมยกแผง อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วย ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษของ Mechanical Keyboard ก็คือเรื่องของ “แรงต้าน” ในตัวแป้นพิมพ์ที่จะเด้งรับเมื่อเราออกแรงกด ทำให้แป้นพิมพ์ในลักษณะนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเกม รวมถึงคนทำงานที่ต้องการประสบการณ์การพิมพ์ที่เหนือกว่าคีย์บอร์ดทั่ว ๆ ไป
3. รองรับได้ทุกระบบปฏิบัติการ
แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ ทีมพัฒนา Keychron มองไปถึงเรื่องของระบบปฏิบัติการ ที่ทุกวันนี้เรามีมากมายหลายระบบ ทั้ง Mac, iOS, Windows, Android และ Linux พวกเขาจึงออกแบบให้คีย์บอร์ดที่พัฒนาขึ้น “รองรับได้ทุกระบบ” โดยสามารถสลับการใช้ง่ายได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลื่อนสวิทช์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวคีย์บอร์ดเท่านั้น และนั่นทำให้ Keychron กลายเป็นแบรนด์ที่เหล่า Influencers สายไอทีจำนวนมากยกย่องให้เป็นคีย์บอร์ดในดวงใจ
4. สร้าง Impact ผ่านโซเชียลมีเดีย
ความสามารถในจุดนี้ทำให้ Keychron ทำงานได้กับทั้ง iPa iPhone สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ เครื่อง Mac โน้ตบุ๊ก Windows แท็บเล็ตพีซี MacBook ฯลฯ โดยเรามักพบเห็นแป้นคีย์บอร์ดของ Keychron วางตระหง่านบนโต๊ะคอมพิวเตอร์อย่างโดดเด่น และมีอุปกรณ์อย่างหน้าจอ iMac โน้ตบุ๊ก MacBook iPad iPhone ฯลฯ วางอยู่รายล้อมราวกับเป็นไข่แดงของโต๊ะทำงาน
5. คีย์บอร์ดที่ปรับแต่งได้ตามใจ
นอกจากนั้น Keychron ยังออกแบบให้ผู้ใช้ customized คีย์บอร์ดของตนเองได้ดั่งใจ เช่น สามารถเปลี่ยนสีปุ่มคีย์บอร์ดได้ด้วย ซึ่ง Keychron สามารถสร้างรายได้ได้อีกต่อด้วยการขายตัวสวิทช์ ตัวแป้นพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งแรงกด หรือปรับแต่งเพื่อความสวยงาม Personalize ได้ตามสไตล์ใครสไตล์มันแบบนี้นี่เอง เลยยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมในโซเชี่ยลมีเดีย เมื่อมีการเปลี่ยนปุ่มโชว์อยู่ได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ
จนทำให้เกิดการต่อยอดจากแบรนด์ที่จับมือกันอย่างเป็นทางการ รวมทั้งมีผู้ผลิตรายเล็กหัวใสที่เกาะกระแสนี้ผลิตมาให้เลือกสรรทั้งแท้ ทั้งเหมือนจะแท้ ตามราคาและคุณของสินค้า เราจะได้เห็นกระแสแบบนี้กับสินค้า IT อย่างเช่น Apple Watch, Airpods ซึ่งยิ่งทำให้โปรดักท์กลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่เข้าถึงได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นเท่าไหร่ ยอดขายก็เติบโตขึ้นตามไปด้วยมากขึ้นเท่านั้น
6. ใช้แพลตฟอร์ม Kickstarter ทำการตลาด
ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า พื้นที่ที่ทำให้ Keychron โด่งดังก็คือแพลตฟอร์มระดมทุนอย่าง Kickstarter โดยโปรดักท์ใหม่ ๆ ของพวกเขาจะถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ดังกล่าว และในเว็บไซต์ของ Keychron เองก็ระบุไว้ด้วยเช่นกันว่า พวกเขาเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับการระดมทุนมากที่สุดในโลก
7. ของแต่งเพิ่มก็มี สำหรับคนไม่ชอบซ้ำใคร
ต้องบอกว่าเป็นความไม่ธรรมดาอีกข้อหนึ่งของทีมผู้พัฒนา ที่ออกแบบของตกแต่งให้กับ Keychron อีกเพียบ โดยภายในเว็บ จะพบว่ามีขาย Accessory ต่าง ๆ มากมาย เช่น กระเป๋าหนังสำหรับใส่คีย์บอร์ด แป้นรองข้อมือ สายเชื่อมต่อพอร์ต USB หรือแม้แต่ตัวหล่อลื่น ฯลฯ
สำหรับการทำงานของ Keychron นั้น ทำงานได้ทั้งแบบเสียบสายกับแบบไร้สาย โดยตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ทำงานต่อเนื่องได้นานหลายวัน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะแบตหมดกลางคันแต่อย่างใดด้วย