อังกฤษหนุนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ ล่าสุดเตรียมออกกฎหมายให้ตึกที่สร้างใหม่ทุกแห่งต้องมีที่ชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ก่อนหน้าที่บอกว่าจะยุติการขายรถยนต์เบนซินและดีเซลให้ได้ภายในปี 2030
สำหรับกฎหมายดังกล่าวคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ โดยตัวกฎหมายกำหนดไว้ว่า อาคารที่สร้างใหม่ต่อจากนี้ไปจะต้องมีจุดชาร์จไฟหนึ่งแห่งต่อที่จอดรถ 5 คัน รวมถึงอาคารบ้านเรือนที่สร้างใหม่ก็ต้องมีอุปกรณ์ชาร์จไฟอัจฉริยะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าติดตั้งไว้ด้วย
นอกจากนี้ อังกฤษยังพัฒนาแอปชื่อ EV8 Switch ซึ่งผู้ใช้สามารถคำนวณเงินที่พวกเขาประหยัดได้จากการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมัน รวมถึงยังบอกได้ว่า พวกเขาสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากแค่ไหน
ข้อมูลจาก the Competition and Markets Authority ระบุว่า ปัจจุบัน อังกฤษมีสถานีชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้า 25,600 แห่งทั่วประเทศ กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ แต่หากต้องการยกระดับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจริง ๆ อังกฤษต้องมีจุดชาร์จไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่าให้ได้ภายในปี 2030 จึงจะเพียงพอต่อความต้องการ
การออกกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะสนับสนุนให้อังกฤษก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า จุดชาร์จไฟที่จะติดตั้งนั้น ต้องมาพร้อมระบบอัจฉริยะ ซึ่งจะสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ได้ในช่วงเวลา Off-peak (เวลาที่คนใช้ไฟไม่เยอะ) เพื่อประหยัดเงินให้กับเจ้าของบ้าน และลดการใช้ไฟมากเกินจนกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่ชาร์จไฟมีราคาประมาณ 800 ปอนด์ต่อหนึ่งจุด ซึ่งหากมีการติดตั้งจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นเงิน 350 ปอนด์ด้วย แต่ถ้าเป็นบ้านที่สร้างก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้ ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งจุดชาร์จไฟนี้แต่อย่างใด เพียงแต่รัฐบาลอังกฤษบอกว่า ถ้าติดตั้งได้ก็ดี เพราะการมีจุดชาร์จไฟในบ้านของตัวเอง ประหยัดกว่าการไปชาร์จไฟในจุดชาร์จไฟสาธารณะอยู่พอสมควร
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand