ภาพของคนญี่ปุ่นกับการทำงานหนักเป็นของคู่กันมายาวนาน แต่ตอนนี้ การทำงานหนักที่ว่านั้นได้ขยายขอบเขตไปอยู่บนรถไฟชินคันเซนแล้วเรียบร้อย หลังมีรายงานว่า Japan Rail ผู้ให้บริการรถไฟชินคันเซนเตรียมปรับโฉมตู้โดยสารให้รองรับการทำงานแบบ Work From Anywhere ด้วยการเพิ่มอินเทอร์เน็ตไวไฟให้ผู้โดยสารนั่งทำงานกันอย่างสะดวกมากขึ้น
การปรับตัวของรถไฟชินคันเซน สาย JR Central
ผู้ที่ออกมาเปิดเผยคือ JR Central ที่บอกว่า มีผู้โดยสารอยากได้ห้องโดยสารที่รองรับการทำงานแบบ Telework มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรถไฟชินคันเซนจึงต้องการปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าวโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด อีกทั้งสัญญาณไวไฟก็เป็นแบบเข้ารหัส เพื่อลดความกังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล แถมยังมีบริการให้ยืมที่ชาร์จ USB เมาส์ หรือแผ่น Privacy Shield สำหรับป้องกันไม่ให้ใครมาแอบมองหน้าจอเราได้ฟรี ๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ตู้โดยสารสำหรับการทำงานแบบ Telework นี้จะถูกติดตั้งลงบนรถขบวน “โนโซมิ” (Nozomi) รุ่น N700S ที่วิ่งระหว่างกรุงโตเกียว และโอซาก้าเท่านั้น โดยทริปที่รถขบวนโนโซมิวิ่งระหว่างโอซาก้าและโตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง (ถ้าเป็นขบวนฮิคาริ – โคดามะ จะใช้เวลาวิ่งโตเกียว-โอซาก้านานกว่าเนื่องจากจอดตามสถานีต่าง ๆ มากกว่า)
ทั้งนี้ บริการ Telework บนชินคันเซนได้เริ่มเปิดให้จองที่นั่งได้แล้ว (เริ่มในเดือนกันยายน)
แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ ทางผู้ให้บริการรถไฟชินคันเซนยังมีแผนจะปรับห้องสูบบุหรี่ (ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเชื่อมตู้โดยสาร) ในขบวนโนโซมิ ไปเป็นห้องประชุมเล็ก ๆ ให้ลูกค้าสามารถมาเช่าใช้ได้ด้วย รวมถึงมีแผนจะตั้งห้องประชุมในลักษณะดังกล่าวขึ้นที่สถานีในโตเกียว และนาโงย่าด้วยเช่นกัน
เทรนด์ Telework กำลังมา
นอกเหนือจากขยวบรถไฟสายด่วนแล้ว ก่อนหน้านี้ Tokyu Bus Corporation ได้เปิดตัว ”Share Office Bus” รถบัส แปลงตัวเองเป็นสำนักงาน ที่ผู้โดยสาร สามารถทำงานไปด้วยได้ขณะเดินทางเส้นทางโยโกฮาม่า – โตเกียว ภายในมีบริการ Wifi ด้วยสนนราคา 1,000 เยน (ราว ๆ 300 บาทนิด ๆ) โดยมีรอบการเดินทางไป – กลับ วันละหนึ่งรอบ
รวมทั้งธุรกิจรถไฟฟ้าด้วยกันอย่างเส้นทาง JR East ก็เพิ่มบริการที่ช่วยส่งเสริมการทำงานแบบ Telework กับรถเส้นทาง Tohoku Shinkansen ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ในส่วนของร้านกาแฟอย่างสตาร์บัคส์ ก็มีการทดลองดีไซน์พื้นที่ให้เป็นบูธทำงานส่วนตัว แทนที่จะตั้งเก้าอี้สองตัวเพื่อให้ลูกค้าพูดคุยกันได้ แต่ที่สาขาซึ่งเกิดจากการร่วมมือของ Starbucks กับ Think Lab บริษัทที่ทำพื้นที่สำหรับ Co-Working Space จะใช้เก้าอี้ออฟฟิศกับโต๊ะซึ่งความสูงเหมาะกับการวางคอมพิวเตอร์ แถมยังมีฉากกั้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและสมาธิในการทำงาน
เรียกได้ว่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้กลายเป็นเทรนด์ที่ตอบรับสังคมที่จริงจังกับการทำงานของญี่ปุ่น สามารถหยิบเอาโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานได้ตลอดเวลา รวมทั้งสร้างบรรยากาศใหม่ๆ นอกเหนือจากการทำงานในออฟฟิศ หรือที่บ้านที่อาจจะมีพื้นที่จำกัด
เอาละคนไทย ที่กำลังคิดถึงการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซนในญี่ปุ่น ไม่แน่ว่า การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งหน้า เราอาจได้เห็นการพลิกโฉมของรถไฟหลาย ๆ ขบวนรออยู่ก็เป็นได้
เดินทางได้เมื่อไหร่ละก็ …. ไอจะขยี้ยูให้แหลกคึ