HomeInsightอยู่บ้านนานมันเครียด! ฮาคูโฮโด เผยผลวิจัย ชี้คนไทยช้อปลดเครียด ดันความต้องการใช้จ่ายพุ่งสูงสุดในรอบปี

อยู่บ้านนานมันเครียด! ฮาคูโฮโด เผยผลวิจัย ชี้คนไทยช้อปลดเครียด ดันความต้องการใช้จ่ายพุ่งสูงสุดในรอบปี

แชร์ :


ตั้งแต่เกิดสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องทำงานหรือเรียนหนังสือกันที่บ้านมากขึ้น แต่การอยู่บ้านเป็นเวลานานเกือบ 2 ปี อาจทำให้หลายคนอึดอัด พาลหงุดหงิด เครียดกันไปบ้าง เพราะไม่สามารถออกจากบ้านไปกินข้าว ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ ทำให้บรรยากาศการใช้จ่ายกลับคึกคักสูงขึ้น หลายคนเริ่มหันมาช้อปปิ้งเพื่อหาความสุขให้กับตัวเองมากขึ้น แล้วอยากรู้ไหมว่าสินค้าประเภทไหนที่ผู้บริโภคนิยมซื้อเพื่อแก้เครียดกันในช่วงนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

Brand Buffet พามาหาคำตอบเรื่องนี้ จากผลสำรวจ “พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม 2564” ของ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) และ บริษัท สไปซี่ เอช จำกัด ที่สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค 1,200 คนใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยพบพฤติกรรมการจับจ่ายที่น่าสนใจ ดังนี้

สกินแคร์-สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตัวช่วยแก้เครียดสาวไทยยามต้องอยู่บ้านนาน

คุณชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) บอกว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายและยาวนานถึงปัจจุบัน ทำให้คนไทยมีความสุขลดลง โดยผลสำรวจพบว่า ปัจจุบันความสุขคนไทยต่ำสุดในรอบปี อยู่ที่ร้อยละ 59 โดยลดลงร้อยละ 4 จากเดือนสิงหาคม แต่ความต้องการใช้จ่ายกลับดีดสูงสุดที่ร้อยละ 58 โดยหันมาช้อปออนไลน์มากขึ้น เพราะความสะดวกสบาย รวมถึงการโหมโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ทั้งจัดส่งฟรี และโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 แต่ก็มีผู้บริโภคบางส่วนที่ยังต้องการซื้อของนอกบ้าน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและคลายความตึงเครียด

ขณะเดียวกัน ยังพบอีกว่า “กลุ่มผู้บริโภคเพศหญิง” มีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อหาความสุขให้ตัวเองมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเพศหญิงต้องแบกภาระที่หนักหน่วง ทั้งการทำงาน เลี้ยงลูกน้อย หรือแม้แต่การดูแลงานบ้าน โดยเน้นซื้อสินค้าประเภทสกินแคร์และเครื่องสำอางเพิ่มสูงขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 สินค้าต้องการมากที่สุด ​เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้าน แต่คนกลุ่มนี้ยังอยากให้ตัวเองดูสวยอยู่ตลอดเวลา และอีกกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการไม่แพ้กันคือ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และเครื่องเสียง เพราะสินค้าเหล่านี้สามารถกระตุ้นรายจ่ายและเติมเต็มความสุขให้ผู้หญิงได้เป็นอย่างดี

5 สินค้ายอดฮิตช่วงล็อกดาวน์

หากเจาะลึกในแต่ละช่วงอายุ คุณชุลิกา สายศิลา ผู้จัดการด้านงานวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สไปซี่ เอช จำกัด บอกว่า ผู้บริโภคอายุ 20-29 ปี จะเน้นการหาความสุขให้กับตัวเอง ด้วยการใช้จ่ายสินค้าเพื่อดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสกินแคร์และเครื่องสำอางยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมและมาแรงอย่างมาก ส่วนสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนยังคงเป็นสิ่งของจำเป็น ซึ่งสามารถนำมาใช้ร่วมกับงานที่ตัวเองทำและสร้างความสุขให้กับตัวเองได้อีกด้วย

ส่วนผู้บริโภคในกลุ่ม 40-49 ปี ยังคงมีการใช้จ่ายเพื่อดูแลครอบครัวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเทอมบุตร-หลาน การซื้อนมให้ลูก การดูแลพ่อแม่สูงวัย เป็นต้น ทำให้กลุ่มนี้ยังคงใช้จ่ายแบบไม่ประมาทรัดเข็มขัดรายจ่ายมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงและการออมเงิน รองรับกับความไม่แน่นอนทางสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน

เมื่อจำแนกตามภูมิภาคจะพบว่า ภาคอีสานยังมีความต้องการใช้จ่ายสูงสุด หลังจากภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนต่างกลับภูมิลำเนาและวางแผนอยู่แบบระยะยาว เกิดการซื้อสินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หลังจากเจอพิษโควิดและต้องกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง ขณะที่ภาคกลาง ส่วนใหญ่หมดไปกลับสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น เครื่องนอน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการทำงานและสร้างความสุขส่วนตัว

ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า สถานะทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้น และมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์เพื่อลดความตึงเครียด โดยผลสำรวจพบว่า 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้จ่ายมากที่สุดในช่วงสถานการณ์ล็อกดาวน์ เป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่

1.อาหาร 31%

2.สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน 14%

3.สมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือ 10%

4.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต 7%

5.เครื่องสำอางและสกินแคร์ 5%

คนไทยมองหาความบันเทิงใหม่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ความยืดเยื้อจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของคนไทยให้ความสนใจกับข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด มาตรการเยียวยาของภาครัฐ หรือแม้แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่ขึ้นๆ ลงๆ ในแต่ละวัน สูงถึงร้อยละ 48 เพิ่มขึ้น 8% จากการสำรวจครั้งก่อน  ตามด้วยข่าวด้านการเมือง การเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบ และการชุมนุมต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 24 โดยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นถึง 16% และยังติดตามประเด็นร้อนรอบโลก และความเป็นไปในต่างประเทศอย่างตาลีบันบุกยึดประเทศอัฟกานิสถาน ร้อยละ 3 ตามมาด้วยข่าวคดีผู้กำกับโจ้ เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ

แต่ที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจพบความสนใจผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปยังหัวข้อใหม่ๆ เช่น POPCAT เกมส์ และกีฬา แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังต้องการด้านความบันเทิง เพื่อผ่อนคลายและหาความสุขตามสภาพแวดล้อมของตนเอง ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 อันตึงเครียดและไม่แน่นอน


แชร์ :

You may also like