“แอปเปิล” หุ้นตก หลังมีรายงานว่าบริษัทต้องลดกำลังการผลิต iPhone 13 ลงประมาณ 10 ล้านเครื่อง เนื่องจาก Broadcom และ Texas Instruments จัดส่งชิปและหน้าจอให้ไม่ทัน
รายงานจาก Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในของ Apple ระบุว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจทำให้ Apple ที่เคยประกาศว่าจะผลิต iPhone 13 ได้ 90 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ต้องลดกำลังการผลิตลงไปประมาณ 10 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็น 11% และยังพบว่า ร้าน Apple Store บางแห่งต้องขึ้นป้ายว่า ตอนนี้ไม่มีสินค้า (Currently Unavailable) แล้วด้วย
ส่วนคนที่สั่ง iPhone 13 ไปแล้ว รายงานจาก Bloomberg คาดว่าสินค้าจะสามารถจัดส่งได้ในราวกลางเดือนพฤศจิกายนเลยทีเดียว
จากปรากฏการณ์นี้ หุ้นของ Apple ถึงกับปรับตัวลดลง 1.6% เหลือ 139.27 เหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับ Broadcom และ Texas Instruments เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นไตรมาสแห่งการสร้างรายได้ของ Apple มาโดยตลอดนั่นเอง
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะที่ผ่านมา Apple ยังสร้างชื่อเรื่องการบริหารจัดการซัพพลายเชนมาได้ด้วยดี แม้จะอยู่ในภาวะโรคระบาด โรงงานต้องปิดตัวเพราะไม่มีคนทำงาน การขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่อ Apple ในครั้งนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่น้อยแถมยังมาในไตรมาสสำคัญอีกด้วย
ไม่เฉพาะ iPhone 13 แต่นาฬิการุ่นสำคัญอย่าง Apple Watch Series 7 ก็คาดว่าจะเจอปัญหาด้วยเช่นกัน
ด้านคู่ค้าของ Apple อย่าง Broadcom นั้น พบว่า บริษัทไม่ได้ผลิตด้วยตนเอง แต่เป็นสัญญาว่าจ้างผลิตกับทาง Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ส่วน Texas Instruments นั้นพบว่า บริษัทผลิตชิปบางส่วนเอง แต่บางส่วนก็ต้องพึ่งพาโรงงานภายนอกเช่นกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยากทั้งสิ้น และนี่อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปน่าจะมาถึงจุดที่รุนแรงที่สุดแล้วก็เป็นได้ เพราะขนาดแบรนด์ที่มีกำลังซื้อ (น่าจะ) สูงที่สุดในโลก และมีระบบบริหารจัดการที่ (น่าจะ) มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ก็ยังไม่อาจหนีพ้นสถานการณ์นี้ได้เลยนั่นเอง