หลังจากรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยมี 46 ประเทศ สามารถเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว และกำหนดพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว รวมทั้งให้ยกเลิกเคอร์ฟิว
แม้จะมีประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้ แต่ในส่วนของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวระยะเริ่มแรก ยังให้สถานบริการ สถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ยังคง “ปิด” ดำเนินการไว้ก่อนในช่วงนี้ โดยให้หน่วยงานและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายมาตรการในระยะต่อไป
ก่อนหน้านี้ในการประกาศนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้ระบุมาตรการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ รวมทั้งการเปิดให้ร้านอาหารจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้จะเริ่มในวันที่ 1 ธันวาคม 2564
ล่าสุด คุณวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ส่งจดหมายถึง พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง ยกเลิกข้อจำกัดในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นักท่องเที่ยว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เพื่อขอให้มีการเริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบขายปลีกให้กับนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเร็วขึ้นเพื่อรองรับการเปิดประเทศ
โดยระบุว่าในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย “เราจึงเข้าใจถึงความคาดหวังและความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอย่างดี สำหรับทั้งนักเดินทางเพื่อธุรกิจและนักท่องเที่ยว การดื่มแอลกอฮอล์มีบทบาทสำคัญที่ช่วยสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่รื่นรมย์ในการมาเยือนของพวกเขา อีกทั้งรายได้จากการจำหน่ายแอลกอฮอล์ยังคิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญของรายได้ในร้านอาหารและโรงแรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจโดยรวมในประเทศไทยและพนักงานนับล้านคนที่ธุรกิจเหล่านั้นว่าจ้าง”
อย่างไรก็ตาม เข้าใจดีว่าทางภาครัฐอาจมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ออัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ควรแยกแยะถึงความแตกต่างของสภาวะและสภาพแวดล้อมของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผู้ที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและโรงแรมที่เป็นสัดเป็นส่วนและมีมาตรการสุขอนามัยที่ดี ส่วนใหญ่จะมีความรับผิดชอบ แตกต่างจากสภาพแวดล้อมที่มีความแออัดภายในสถานบันเทิง เช่น บาร์ ผับ คลับ ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้จึงขอให้ยกเลิกข้อจำกัดในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดได้ ขอให้พิจารณายกเลิกข้อจำกัดเฉพาะในสถานประกอบการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย หรืออย่างน้อยที่สุด ธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานความปลอดภัยและสุขภาพ (SHA+) ควรได้รับอนุญาตให้กลับมาให้บริการลูกค้าด้วยบริการที่ครบวงจรตามความต้องการของลูกค้าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ควรมีการดำเนินการเพื่อปกป้องสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และสมุย จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยควรเพิ่มความพยายามในการเร่งฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในทำนองเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นๆ เข้ากรุงเทพฯ หรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย ควรแสดงผลการตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบจากการตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติถึงมาตรการการป้องกันโควิด-19 ที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และก่อให้เกิดการป้องกันสำหรับประชาชนชาวไทยที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างเต็มความสามารถ