พันธกิจสำคัญของ “Starbucks” (สตาร์บัคส์) คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม หนึ่งในแกนสำคัญของการสร้างความยั่งยืนธุรกิจ จึงได้กำหนดกรอบภายใต้แผน “Starbucks Greener Store” ประกอบด้วย สร้างสาขาใหม่ – ปรับปรุงร้านในคอนเซ็ปต์ “Greener Store” จำนวน 10,000 สาขาทั่วโลกภายในปี 2025 โดยล่าสุดเปิดสาขาแรกในเอเชียที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
รวมทั้งลดการใช้แก้วแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าพกแก้วใช้ซ้ำมาที่ร้าน ซึ่งเป็นนโยบาย Starbucks ทั่วโลกดำเนินการมานาน โดยให้ Reward กับลูกค้าที่พกแก้วมาเอง เป็นส่วนลดค่าเครื่องดื่ม
แต่ต่อไป Starbudks จะรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม และการใช้ Reusable Cup จริงจังขึ้น! โดยบางประเทศ ประกาศเลิกใช้แก้วแบบใช้แล้วทิ้ง เช่น Starbucks เกาหลีใต้จะงดให้บริการแก้วแบบใช้แล้วทิ้ง ภายในปี 2025 ซึ่งล่าสุด Starbucks ที่เชจู (Jeju) ทั้ง 23 สาขา จะงดให้บริการแก้ว/ถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งภายในสิ้นปีนี้
ลุยเปิด “Starbucks Greener Store” 10,000 สาขาทั่วโลกในปี 2025
ในปี 2018 Starbucks เริ่มดำเนินการแผน “Greener Store Framework” ด้วยการออกแบบสาขา Greener Store เป็นโมเดลร้านที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก คือ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 50% ลดการใช้น้ำ 50% และลดปริมาณขยะที่จะไปสู่การกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ 50% ภายในปี 2030
ภายใต้แผน Greener Store Framework ได้กำหนดกรอบการดำเนินงาน 8 ด้านคือ
– Engagement : สร้างแรงบันดาลใจในวัฒนธรรมความยั่งยืน ผ่านการลงมือปฏิบัติทุกวัน
– Energy Efficiency : ใช้เทคโนโลยีช่วยประหยัดพลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงานภายในสาขา
– Water Stewardship : ดูแลรักษาน้ำ และลดการใช้น้ำ
– Responsible Materials : วัสดุที่ใช้ภายในร้าน และสินค้าที่จำหน่าย มาจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืน
– Waste Diversion : ลดขยะ/ของเสียที่เกิดจากสินค้า บรรจุภัณฑ์ และบริจาคอาหารที่ขายไม่หมดให้กับธนาคารอาหาร (Food Bank) ในท้องถิ่น/ชุมชนนั้นๆ
– Renewable Energy : สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน
– Site Criteria : เปิดสาขาในโลเคชั่นที่สนับสนุนการออกแบบและการดำเนินงานบนแนวคิดความยั่งยืน
– Health & Wellness : ออกแบบและสร้างบรรยากาศในร้านที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) และลูกค้า
โมเดลร้าน Starbucks Greener Store เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ปัจจุบันมีมากกว่า 2,300 สาขา และแผนจากนี้จะเริ่มขยายร้านโมเดล Greener Store ออกนอกแถบอเมริกาเหนือ
เช่น ล่าสุดเปิดสาขาแรกในเอเชียที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และในปี 2022 เตรียมขยายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร ชิลี เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างสาขาใหม่ และรีโนเวทสาขาเดิม ให้อยู่ในคอนเซ็ปต์ Greener Store จำนวน 10,000 สาขาภายในปี 2025
10 ไฮไลท์ Starbucks Greener Store เซี่ยงไฮ้ สาขาแรกในเอเชีย
ตลาดจีน เป็นหนึ่งใน Strategic Market สำคัญของ Starbucks ระดับโลก ดังนั้นจึงเลือกจีน เป็นประเทศแรกในเอเชียที่เปิดสาขาโมเดลใหม่อย่าง Greener Store และนี่คือ 10 ไฮไลท์สาขานี้
1. สร้างประสบการณ์กาแฟให้กับลูกค้า ตั้งแต่วงจรชีวิตครั้นเป็นเมล็ดกาแฟ ผ่านกระบวนการต่างๆ จนเสิร์ฟถึงมือลูกค้า นำเสนอผ่านการออกแบบ-ตกแต่งภายในร้าน ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเมล็ดกาแฟที่ Starbucks คัดสรรมาใช้ที่ร้าน และเพลิดเพลินกับศิลปะการชงกาแฟโดย Coffee Master ที่โซน Starbucks Reserve
2. เป็นสาขาที่เน้นเมนู Plant-based โดยเมนูอาหารที่ให้บริการ Greener Store เซี่ยงไฮ้ มากกว่าครึ่งเป็นเมนู Plant-based รวมถึงมีเมนูใหม่ที่ทำจากพืช 15 เมนู ทั้งเบเกอรี่ กลุ่มเมนู Wrap แซนด์วิช สลัด เค้ก ขนมอบ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และรักษ์โลก
3. สนับสนุนให้ลูกค้าใช้แก้ว/ถ้วยแบบใช้ซ้ำ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้าใช้แก้ว Reuse ร้านสาขานี้มีจำหน่ายแก้ว Reusable Cup ขนาด Grande ราคา 15 หยวน และถ้าลูกค้านำแก้วมาเอง จะได้รับส่วนลดค่าเครื่องดื่ม 4 หยวน
4. Circular Lifestyle Lab พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อความยั่งยืน ภายในร้าน Starbucks Greener Store สาขาเซี่ยงไฮ้ จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นโซนแสดงงานศิลปะเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นความร่วมมือกับวิทยาลัยการออกแบบและนวัตกรรมมหาวิทยาลัย Tongji จัดนิทรรศการ Organic Prosperity จัดแสดงงานศิลปะสร้างสรรค์ขึ้นจากกากกาแฟ และวัสดุเหลือใช้ของร้าน นอกจากนี้มีจัดเสวนา และ Workshop เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนถึงการพัฒนาความยั่งยืน
5. เคาน์เตอร์บาร์ประกอบขึ้นจาก Module ที่ถูกออกแบบให้สามารถถอดประกอบ–เพิ่ม–ปรับเปลี่ยนได้ตามฟังก์ชั่นการใช้งาน และตามเลย์เอาต์ของร้าน ดังนั้นในวันหนึ่งที่ร้านถึงเวลารีโนเวท หรือปรับรูปแบบ ชิ้นส่วน Module เหล่านี้ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้
6. อุปกรณ์–การตกแต่งภายในร้าน ทำมาจากวัสดุจาก Starbucks สาขาอื่นในจีน ลูกค้าที่มาใช้บริการ Starbucks Greener Store ที่เซี่ยงไฮ้ จะได้พบกับวัสดุ Starbucks สาขาอื่นในจีนที่รีโนเวทสาขา แล้วมีวัสดุบางอย่างที่ไม่ได้ใช้แล้ว นำมาประยุกต์ใช้กับสาขานี้ เช่น ที่จับประตูสาขานี้ ทำมาจากไม้ของ Starbucks Flagship Store สาขาในย่าน Sanlitun, Taikooli
7. ใช้ Smart Energy ช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งเครื่องปรับอากาศ ระบบไฟ ระบบน้ำ เช่น ระบบไฟเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด สามารถตั้งค่าโหมดไฟได้ในช่วงเวลากลางวัน และช่วงกลางคืน
8. ลดการใช้กระดาษ (Paperless) เช่น ใช้ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ แทนการใช้ใบเสร็จแบบกระดาษ และลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดออเดอร์ของตัวเองได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Starbucks China นอกจากนี้ ได้เปลี่ยนมาใช้เมนู LED Board แทนเมนูกระดาษ
9. ผ้ากันเปื้อนของพาร์ทเนอร์ในร้าน Starbucks Greener Store ทำมาจากแก้วพลาสติก Starbucks รีไซเคิล โดยใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนแก้ว PET เป็นเม็ดพลาสติก (Polyester chips) เพื่อผลิตเป็นเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ สำหรับนำไปทำเป็นผ้า เพื่อตัดเย็บออกมาเป็น “ผ้ากันเปื้อน Starbucks” ซึ่งช่วยลดขยะพลาสติก PET ลดการใช้พลังงาน และลดการใช้ทรัพยากร เมื่อเทียบกับการผลิตสิ่งทอแบบดั้งเดิม
10. สร้างประโยชน์ให้กากกาแฟ สำหรับกากกาแฟจากการทำเครื่องดื่ม จะถูกนำไปใช้เป็นปุ๋ยในสวนนอกร้าน ในฟาร์มตามชานเมือง และบรรจุใส่ถุงให้ลูกค้านำไปใช้ได้ฟรี
แจกแก้ว Reusable Cup ลดการใช้แก้วแบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง
เดินหน้าตามเป้าหมายของบริษัทในการลดปริมาณขยะให้ได้ 50% ภายในปี 2030 ดังนั้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีของ Starbucks ได้เริ่มแคมเปญแจกแก้ว “Reusable Cup” รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นให้กับลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา และประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เพื่อรณรงค์การรีไซเคิล และร่วมลดการใช้แก้วแบบครั้งเดียว หันมาใช้แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบแก้วให้กับลูกค้ากว่า 2 ล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Starbucks มุ่งหวังว่าจากแก้ว Reusable Cup 1 ใบ จะสามารถทดแทนการใช้แก้วแบบครั้งเดียวทิ้งกว่า 30 ใบนี้
ขณะเดียวกันจะช่วยสร้างวัฒนธรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในกลุ่มลูกค้า รวมถึงพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) และชุมชน เพื่อสร้างพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อโลก
“ความยั่งยืนถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการดำเนินงานของ Starbucks มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่เราได้เปิดสาขาแรกที่ไพค์ เพลส ซีแอตเทิลเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และในประเทศไทยเอง เราก็สานต่อนโยบายของบริษัท ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน Starbucks แห่งแรกในประเทศไทย ในการรณรงค์ให้ลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาซื้อเครื่องดื่ม พร้อมมอบส่วนลด 10 บาทให้ลูกค้าทุกครั้งตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องงดชั่วคราวในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรค COVID-19
นอกจากนี้ Starbucks ประเทศไทย ยังได้คิดค้นและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้ถุงกระดาษรีไซเคิล และหลอด PLA เป็นต้น และในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เราจะกลับมารับแก้วส่วนตัวอีกครั้ง เราหวังว่าแก้ว Reusable cup จะเป็นของขวัญและเป็นการจุดประกายให้เราร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อโลกไปด้วยกัน” คุณเนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายด้านความยั่งยืน
กรณีศึกษา “Starbucks เกาหลีใต้” ประกาศเลิกใช้แก้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งภายในปี 2025 – เร่ิมแล้วสาขาในเชจูใช้นโยบาย “No Single-use Cup”
“Starbucks เกาหลีใต้” ประกาศแผนเตรียมยกเลิกใช้แก้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Disposable Cup) ภายในปี 2025 เพื่อบรรลุเป้าหมายลดปริมาณขยะฝังกลบ 50% ซึ่งปัจจุบัน Starbucks มีสาขาในเกาหลีใต้กว่า 1,200 สาขา
ล่าสุด “Starbucks เกาหลีใต้” กล่าวว่าจะหยุดใช้แก้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในทุกสาขา “เชจู” (Jeju) ภายในปี 2021
ก่อนหน้านี้ Starbucks ได้เริ่มทดลองยกเลิกให้บริการแก้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งใน 4 สาขาบนเกาะเชจู เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทั้ง 4 ร้านสาขาจะใช้เป็นแก้วเอนกประสงค์ ทั้งสำหรับลูกค้านั่งที่ร้าน และซื้อกลับ หากลูกค้าไม่ได้นำแก้วมาเอง จะต้องจ่ายเงินมัดจำ 1,000 วอน (0.85 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการใช้แก้ว และเงินมัดจำนี้จะจ่ายคืนให้เมื่อลูกค้าส่งแก้วคืนที่ร้านสาขาทั้ง 4 แห่ง หรือจุดรับคืนที่สนามบินเชจู
“Starbucks เกาหลีใต้” ประเมินการทดลองใน 4 สาขา ช่วยประหยัดการใช้แก้วใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง 200,000 ใบในช่วง 3 เดือน และคาดการณ์ว่าหลังจากขยายนโยบาย No Single-use Cup กับ Starbucks ทุกสาขาบนเกาะเชจู ที่ปัจจุบันมี 23 สาขา จะช่วยประหยัดการใช้แก้วใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งได้มากถึง 5 ล้านใบ ซึ่งจะลดปริมาณขยะฝังกลบได้มาก
Photo Credit : Starbucks