ทรูคอร์ปส่งบริษัทลูก “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป” ลงทุนในฟิลิปปินส์ โดยเข้าถือหุ้นบริษัทด้าน Loyalty Program อย่าง Zap Group ถึง 70% คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 162 ล้านบาท
สำหรับ Zap Group ก่อตั้งโดย Dustin Cheng, Terence Lok, Justin Lim และ Angelique Uy ตั้งแต่ปี 2012 และระบุว่าตนเองเป็นสตาร์ทอัพด้าน Loyalty Program ที่ให้บริการส่วนลดกับสมาชิกผ่านการซื้อของ โดยหากไปซื้อกับร้านพาร์ทเนอร์ของแพลตฟอร์ม และชำระเงินผ่านระบบของ Zap ก็จะได้รับ Cashback จำนวน 3 – 20% จากการซื้อดังกล่าว และสามารถนำ Cashback นั้นมาใช้แทนเงินสดในการซื้อของครั้งต่อไปได้ด้วย
ที่ผ่านมา เคยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง AirAsia ของโทนี่ เฟอร์นันเดส ไปจับมือกับทาง Zap Group ด้วยเช่นกัน (ลงทุนผ่านบริษัท Venture Capital ชื่อ Tune Labs ในปี 2016) โดยรายงานจาก Forbes Philippines ระบุว่า ทาง AirAsia มีแผนนำข้อมูลร้านค้า บนแพลตฟอร์ม Zap ไปใช้กับแพลตฟอร์ม Loyalty ของตัวเองอย่าง BIG นั่นเอง
ขณะที่ตัวเลขจำนวนร้านค้าพาร์ทเนอร์บนแพลตฟอร์ม Zap นั้น ปัจจุบัน พบว่ามีมากกว่า 800 แห่ง และบริษัทเคยได้รับเงินลงทุนมาแล้วคิดเป็นจำนวน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แน่นอนว่า การลงทุนดังกล่าวทำให้ทรูดิจิทัลกรุ๊ป สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลร้านค้าในฟิลิปปินส์ผ่าน Zap Group ได้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางทรูดิจิทัลกรุ๊ป ในฟิลิปปินส์ก็ได้นำหลาย ๆ ธุรกิจเข้าไปแล้ว เช่น บริการ O2O rewards, โซลูชันด้าน B2B , บริการ Data Analytics, บริการแพลตฟอร์มด้านความบันเทิงอย่าง TrueID, แพลตฟอร์มด้านการเกษตร Birdoo สำหรับช่วยเกษตรกรเก็บข้อมูลการเลี้ยงไก่ และคาดการณ์ผลผลิตได้ล่วงหน้า, แพลตฟอร์มร้านค้าอัจฉริยะที่ใช้กล้องวงจรปิดทำงานร่วมกับ AI ในการเก็บพฤติกรรมลูกค้าในร้านสะดวกซื้อ, ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบ Grab-and-go ฯลฯ
แต่หากยังจำกันได้ อีกหนึ่งเป้าหมายของกลุ่มทรูก็คือการขยายบริการทางการเงินอย่าง TrueMoney ให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาค หลังจากที่บริษัทลูกอย่าง Ascend Money ได้รับเงินระดมทุนรอบล่าสุดจนกลายเป็นยูนิคอร์นสายฟินเทคตัวแรกของไทย ซึ่งเงินระดมทุนดังกล่าว ทางบริษัทระบุว่าจะนำไปขยายบริการทางการเงินดิจิทัล เช่น การทำ Digital lending, Digital Investment และการโอนเงินข้ามพรมแดน ในประเทศที่ประชากรยังเข้าถึงบริการทางการเงินได้ไม่สะดวก เช่น อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่า นี่คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ของกลุ่มทรูในการผลักดันแผนดังกล่าวให้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยนั่นเอง