เดอะมอลล์กรุ๊ปหวังใช้กระแส “คริปโต” ปลุกเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากวิกฤติ Covid-19 เน้นดึงเงินจากกลุ่ม New Wealth เข้ามาใช้จ่ายในไทยเพิ่ม ล่าสุดจับมือบิทคับ (Bitkub) และพันธมิตรยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจ ทั้งเครือดุสิตธานี สายการบินแอร์เอเชีย อนันดา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย BCH ไปจนถึงกลุ่มผู้ให้บริการรถหรู – เรือยอร์ชอย่าง มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น เข้าสู่โลกคริปโตแล้ว
คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เผยถึงการจับมือกันของพันธมิตรยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมไทย และยักษ์น้องใหม่อย่าง Bitkub ว่า วิกฤติในครั้งนี้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยกำลังซื้อจากคนไทยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ธุรกิจจะรอดได้ ต้องมีการรีโพสิชันประเทศไทยครั้งใหญ่ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถดึงความสนใจจากกลุ่ม New Wealth ให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้มากขึ้น
ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่ม New Wealth นั้น คุณศุภลักษณ์เผยว่า เป็นกลุ่มที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลัก และส่วนใหญ่เป็น Digital Nomads ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศอีกต่อไป โดยคนกลุ่มนี้ยังเป็นคนที่สามารถทำงานให้กับหลาย ๆ บริษัทในเวลาเดียวกัน และอาจเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ในลักษณะทำงานไปด้วย พักผ่อนไปด้วย หรือ Workation จึงนำไปสู่การจับมือกับเครือยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยดังที่กล่าวไว้ด้านบน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม New Wealth ที่สำคัญ ต้องมี Infrastructure ด้านเงินคริปโตเพื่อรองรับการใช้จ่ายของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
เริ่มรับเงินคริปโต 7 สกุล
ในส่วนของเดอะมอลล์กรุ๊ปเอง ล่าสุดประกาศเปิดรับเงินคริปโตในการชำระค่าสินค้าและบริการแล้วด้วย โดยรองรับเหรียญคริปโตทั้งสิ้น 7 ตัว ได้แก่ Bitkub Coin (KUB), Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT), Ripple (XRP), Stellar Lumens (XLM) และ JFIN Coin (JFIN)
นอกจากนี้ ยังมีการให้โปรโมชัน และสิทธิพิเศษโดยใช้กลไกของ NFT (Non-fungible Token) และ Gamification เข้ามาเพิ่ม Foot Traffic ให้กับศูนย์การค้าด้วย เช่น การแจก NFT Card ที่มีรางวัลพิเศษเฉพาะแก่ผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าเท่านั้น ซึ่งผู้บริหารเดอะมอลล์กรุ๊ปบอกว่า ของรางวัลบางอย่างอาจเป็นประสบการณ์ที่ถึงแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้
เปิด Bitkub M Social คอมมูนิตี้สำหรับแวดวงคริปโต
นอกจากนี้ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ด้านคริปโตให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรม เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังจับมือกับบิทคับ จัดตั้งบริษัท บิทคับ เอ็ม จำกัด ในสัดส่วน 50 : 50 เปิดตัว “Bitkub M Social” บนชั้น 8 – 9 ของตึกฮีลิกซ์ ควอเทียร์ อาคาร A ดิ เอ็มควอเทียร์ สำหรับเป็น ดิจิทัลคอมมูนิตี้ของวงการคริปโต ขนาด 2,000 ตารางเมตรด้วย
ภายใน Bitkub M Social ประกอบด้วยพื้นที่สำหรับอบรมสัมมนา ห้องประชุม NFT Gallery ร้านกาแฟ และบาร์ เพื่อให้ความรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เศรษฐกิจ และเป็นแหล่งพบปะเรียนรู้ของผู้ที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย
อย่างไรก็ดี การจะเข้าใช้ Bitkub M Social ต้องเป็นสมาชิก และมีการกำหนดค่าสมัครสมาชิกเอาไว้ 3 ระดับได้แก่
- Bitkub M Social Lunar ค่าสมาชิก 12,000 บาทต่อปี
- Bitkub M Social Zircon ค่าสมาชิก 20,000 บาทต่อปี
- Bitkub M Social Emerald ค่าสมาชิก 50,000 บาทต่อปี (เฉพาะผู้ที่ได้ Invitation เท่านั้น)
นอกเหนือจากการได้เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวแล้ว สมาชิกของ Bitkub M Social จะได้สิทธิประโยชน์จากแพลตฟอร์มบิทคับ และเครือเดอะมอลล์ด้วยเช่นกัน เช่น การได้เทรดดิ้งเครดิตสูงสุด 20,000 บาท การได้เข้าร่วมคอร์สสัมมนา รางวัล Token รวมถึงส่วนลดในการใช้จ่ายในร้านค้าของเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ฯลฯ
เกมของโลกใหม่ในมุม “ท็อป-จิรายุส”
ด้านคุณท็อป – จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เผยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวในลักษณะ K-Shape นั่นคือจะมีบางธุรกิจที่ไปรอดและพุ่งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีบางธุรกิจที่ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้
คุณท็อปยังได้กล่าวให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงว่า ในยุคก่อนหน้านี้ คอมพิวเตอร์ – อินเทอร์เน็ตคือผู้ที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเกิดขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีเช่น Google, Facebook, Grab, Uber ที่เข้ามาเปลี่ยนกฎของเกม
อย่างไรก็ดี คุณท็อปชี้ด้วยว่า เกมใหม่ของโลกในตอนนี้ไม่ได้เกิดจาก 1 – 2 ปัจจัยเหมือนโลกในอดีตอีกต่อไป แต่มาเป็นแพกเกจ นั่นคือมีทั้ง Blockchain, AI, VR, AR, BigData, 3D Printing, IoT และอื่น ๆ อีกมากมาย และผู้ที่ไม่เข้าใจกฎของโลกใหม่จะกลายเป็น Exponential Loser ได้ในที่สุด
“เราจะเริ่มเห็นบริษัทดิจิทัลกับบริษัทบนโลก Physical จับมือกัน โดยบริษัทที่จะอยู่รอดในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้าต้องเป็น tech-driven company และต้องเข้าใจกฎของเกมใหม่เท่านั้นที่จะทำได้”
คุณท็อปยังได้ยกตัวอย่างของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เคยเป็นตัวทำเงินให้กับประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ว่าต้องก้าวขึ้นมาเล่นเกมใหม่นี้ด้วยเช่นกัน โดยเกมใหม่ต้องโฟกัสที่นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ไม่ใช่จำนวนแบบที่ผ่านมาอีกต่อไป และคนที่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพเหล่านี้ ส่วนใหญ่ “เป็นคนที่ถือ digital asset” ด้วยนั่นเอง