HomeSponsoredTyson แบรนด์ดังอเมริกาบุกไทย ท้าชิงตลาดอาหารแช่แข็ง อร่อยง่ายได้คุณภาพ

Tyson แบรนด์ดังอเมริกาบุกไทย ท้าชิงตลาดอาหารแช่แข็ง อร่อยง่ายได้คุณภาพ

แชร์ :

หนึ่งใน Growth Engine ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สร้างตลาดงาน และรายได้ให้กับคนไทย คือ “อุตสาหกรรมอาหาร” ทั้งผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการส่งออกอาหารมากที่สุดในโลก และผลิตสำหรับตลาดในประเทศ​ เป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองไทยเป็น “สวรรค์ของนักกิน”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เพราะมีความหลากหลายทั้งประเภทอาหาร ร้านอาหารให้เลือกมากมาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ด ไปจนถึง Fine Dining รูปแบบอาหาร ไม่ว่าจะปรุงสด หรือ Packed Food ที่เป็นอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) และพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ตลอดจนการขยายตัวของช่องทางการขาย ทำให้คนไทย และชาวต่างชาติที่มาไทย สามารถหาซื้ออาหารได้ง่าย สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง

จากศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารของไทย ทำให้ Tyson Foods (ไทสัน ฟู้ดส์) หนึ่งในบริษัทอาหารใหญ่ที่สุดของโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่ทำตลาดทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก เลือกลงทุนในประเทศไทย เพราะมองว่าจะเป็น Strategic Market ทั้งการผลิต และจัดจำหน่ายสำหรับตลาดในประเทศ รวมทั้งใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก

ทำความรู้จัก “Tyson Foods” จากอเมริกา สู่เอเชีย

Tyson Foods Inc.” ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากโปรตีนครบวงจร ทั้งเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อจากพืช (Plant-based Meat) มาเป็นเวลานาน มีฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม B2B ทั่วโลก เช่น Food Chain ระดับโลก ร้านอาหารผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงร้านระดับ Fine Dining และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัตถุดิบสด ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) และพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) ผ่านช่องทาง Food Retailer ชั้นนำ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม

แต่กว่าจะมาเป็น Tyson Foods” ที่ผู้นำด้านโปรตีนครบวงจรอย่างทุกวันนี้ ที่มีศักยภาพและความพร้อมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น

– R&D Center ที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่และพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าเข้าสู่ตลาด

– โรงงานทั้งในสหรัฐฯ เอเชียแปซิฟิก และยุโรป

– มีพนักงานกว่า 140,000 คนทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของ Tyson Foods” ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในสหรัฐอเมริกาช่วงทศวรรษ 1930 โดยหลังจาก John W. Tyson” ผู้ก่อตั้ง Tyson Foods ตัดสินใจย้ายครอบครัวไปแสวงหาโอกาสใหม่ในรัฐอาร์คันซอ ที่นี่เขาได้พบโอกาสธุรกิจ นั่นคือ การส่งไก่คุณภาพดีไปขายในแถบ Midwest ปรากฏว่าธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยดี ทำให้ต่อมาได้ขยายกิจการครอบคลุมทั้งการขายลูกไก่ ขายอาหารสัตว์ และส่งไก่สู่ตลาด

จากนั้น Tyson Foods” ได้ต่อยอดไปยังธุรกิจเนื้อวัว และหมู รวมทั้งโปรตีนจากพืช ภายใต้ Brand Portfolio กว่า 30 แบรนด์ทั่วโลก โดยมีแบรนด์หลักๆ เช่น Tyson ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ไก่พร้อมปรุง และพร้อมรับประทาน Jimmy Dean อันดับ 1 ในตลาดไส้กรอก Ball Pork อันดับ 1 ในตลาดฮอทดอก Hillshire Farm ผู้นำตลาดไส้กรอกรมควัน

นอกจากนี้ได้ปั้นแบรนด์สำหรับเจาะตลาด Plant-based Meat โดยเฉพาะ เช่น Raised & Rooted ทำตลาดในสหรัฐ และยุโรป แบรนด์ First Pride ทำตลาดในแถบเอเชีย

แม้ในปี 2020 ทั่วโลกจะเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากสถานการณ์ COVID-19 แต่ Tyson Foods” ยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง โดยมียอดขาย 43.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนรายได้มาจากเนื้อวัว 36% ไก่ 30% หมู 10% ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน 20% และอื่นๆ 4% เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มียอดขาย 42.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หนึ่งในตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ Tyson Foods คือ ตลาดเอเชียแปซิฟิก (APAC) เนื่องจากเป็นตลาดที่มีประชากรมหาศาล ประกอบกับเศรษฐกิจ และความเป็นสังคมเมือง (Urbanization) ของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ อยู่ในทิศทางขยายตัว

ฐานหลักในภูมิภาคนี้ ประกอบด้วยไทย มาเลเซีย ออสเตรเลีย มีฟาร์มและโรงงานผลิตครบวงจร เพื่อส่งออกไปยัง 27 ประเทศทั่วโลก โดยพนักงานรวมกันมากกว่า 11,000 คน ในจำนวนนี้อยู่ในประเทศไทยกว่า 9,000 คน

ในปีที่แล้ว ตลาดเอเชียแปซิฟิกทำรายได้ให้กับ Tyson Foods กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากแนวโน้มการเติบโต จึงตั้งเป้าผลักดันรายได้ตลาดภูมิภาคนี้โต 5 เท่าภายในปี 2025

3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ Tyson Foods เดินหน้ารุกตลาดไทย

สำหรับประเทศไทย Tyson มีฐานการผลิตคือ Mckey Food Services (Thailand) และ Tyson Poultry Thailand ผลิตและจัดจำหน่ายไก่ครบวงจรตั้งแต่ Farm to Table ครอบคลุมทั้งผลิตอาหารสัตว์ – ฟาร์ม – โรงงาน Slaughter – โรงงานปรุงสุก รองรับทั้งตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังเอเชียแปซิฟิก และยุโรป

1. Market Size ตลาดโปรตีนจากเนื้อสัตว์นไทยมีขนาดใหญ่

มูลค่ารวมตลาดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในประเทศไทย (วัตถุดิบสด) ปี 2020 อยู่ที่ 221,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 3% โดยตลาดใหญ่สุดคือ “เนื้อไก่” มูลค่าตลาดรวม 98,000 ล้านบาท โต 9% หรือคิดเป็นสัดส่วน 44.4% ตามมาด้วยเนื้อหมู 34.6% เนื้อวัว 20% เนื้อแพะ-เนื้อแกะ 0.3% และเนื้อประเภทอื่น 0.7%

จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในไทย “เนื้อไก่”​ เป็นตลาดใหญ่สุด นี่จึงทำให้ “Tyson Foods” เลือกทำตลาดไก่ครบวงจรในไทย 

2. ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตอาหารส่งออกรายใหญ่ของโลก

แม้อุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก รวมทั้งไทย ต้องเจอกับสถานการณ์ COVID-19 แต่ภาคการส่งออกอาหารของไทย ยังสามารถขยายตัวรับ Demand ตลาดโลก

โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 ภาพรวมการส่งออกอาหารไทย จะเติบโต 4.5% คิดเป็นมูลค่า 1.05 ล้านล้านบาท ซึ่ง Tyson Foods” เล็งเห็นว่าไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพในด้านฐานการผลิตเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์จากไก่

3. Urbanization ขยายตัว ดันตลาดอาหารพร้อมปรุง – พร้อมรับประทานโต

ทุกวันนี้ความเป็นเมืองในไทยขยายตัว ทั้งจังหวัดเศรษฐกิจใหญ่ จังหวัดรอง และเมืองเล็ก ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมการกินการอยู่ของคนไทยเปลี่ยนไป โดยผู้คนต้องการความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว ดังนั้นอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมรับประทาน จึงเข้ามาตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคไทยในยุค Urbanization ที่ชีวิตประจำวันเร่งรีบ แต่ยังคงต้องการรสชาติอาหารที่อร่อย คุณภาพดี และหาซื้อง่าย ในราคาสมเหตุสมผล

ได้เวลา Tyson ลุยตลาด Frozen fully cooked  chicken ในไทย

หลังจาก Tyson ประเทศไทย” ทำตลาดกลุ่มลูกค้า B2B และใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก ล่าสุดได้ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม B2C” ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Frozen fully cooked  chicken เป็นครั้งแรกในไทย ตามยุทธศาสตร์ Tyson Asia Pacific เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งแบรนด์ Tyson” ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การทำตลาด B2C ของ Tyson ประเทศไทย ดำเนินการภายใต้แนวคิดCount on us” นั่นคือ แบรนด์ Tyson” พร้อมช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารทุกมื้อที่อร่อย ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย และสะดวก – ทำง่าย ด้วยผลิตภัณฑ์อาหารของ Tyson ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะช่วงเวลาเร่งรีบ หรือคนที่ไม่ถนัดทำอาหาร หรืออยากทำอาหารให้คนในครอบครัวรับประทาน ก็สามารถเชื่อมั่น และวางใจในผลิตภัณฑ์ Tyson

ผลิตภัณฑ์ Tyson กลุ่มพร้อมปรุง และพร้อมรับประทานถูกออกแบบมาช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาหมักไก่เอง แค่ฉีกซอง ทอดที่บ้าน ก็อร่อยฟินได้ง่ายๆ ทุกเวลา โดยนำร่องวางจำหน่าย 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ #ฟินเต็มคำอร่อยง่ายได้คุณภาพ

– Tyson Classic Fired Chicken ไก่ทอดกรอบสูตรคลาสสิค เนื้อแน่น กรอบนอก นุ่มใน หอมอร่อยด้วยเครื่องเทศสูตรเฉพาะ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Tyson ที่คนทั่วโลกติดใจ

– Tyson Chicken Nuggets นักเก็ตไก่เนื้อนุ่ม ผลิตจากเนื้อไก่ล้วนๆ

– Tyson Buffalo Chicken Wing Stick ปีกไก่บนสไตล์อเมริกัน รสชาติจัดจ้านแบบฉบับ USA คลุกเคล้าด้วยซอสสูตรพิเศษเข้มข้นเต็มคำ

– Tyson Hot & Spicy Chicken Popcorn ไก่ป๊อปคอร์น รสฮอตแอนด์สไปซี่ รสชาติเข้มข้น เผ็ดแซ่บสะท้านถึงใจ

– Tyson Chicken Karaage ไก่คาราเกะสไตล์ญี่ปุ่น ทำจากเนื้อไก่คุณภาพดี หมักด้วยเครื่องปรุงสูตรต้นตำรับสไตล์ญี่ปุ่น คลุกเคล้าเข้าเนื้อ ทอดจนเหลืองกรอบ เนื้อด้านในนุ่ม

– Tyson Crispy Chicken Strips ไก่กรอบไม่มีกระดูก จากเนื้ออกไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ ซ่อนไว้ภายในแป้งทอดกรอบ

– Tyson Grilled Tender Chicken ไก่ย่างเนื้อนุ่ม ชิ้นพอดีคำ เพียงแค่อุ่นไมโครเวฟไม่กี่นาที ก็ได้กลิ่นความหอมจากการย่าง

แม้ตลาด Ready to Cook และ Ready to Eat ในไทยมีการแข่งขันสูง และมีแบรนด์ที่ทำตลาดมาก่อน แต่ Tyson ประเทศไทย มั่นใจว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคไทย เพราะความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ Tyson ใน 3 ด้านหลักคือ

1. รสชาติ ด้วยเทคโนโลยีการหมักสุญญากาศที่ทำให้เนื้อไก่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และรสชาติเข้าเนื้อ ประกอบกับเทคนิคการเคลือบกรอบแบบพิเศษ เพื่อให้สินค้ามีความกรอบถูกใจทุกคน ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะทอดเองที่บ้านเมื่อไหร่ รสชาติก็ยังอร่อย

2. ความเชี่ยวชาญระดับโลก และคุณภาพสินค้า Tyson เป็นผู้ผลิตอาหารอันดับ 1 จากสหรัฐอเมริกาที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องอาหารมายาวนานกว่า 80 ปี และมีมาตรฐานการผลิตระดับโลก จากความสำเร็จของแบรนด์ในอเมริกาที่ทุกคนชื่นชอบ วันนี้ได้นำสูตรลับที่เป็น Original ต้นตำรับเฉพาะของ Tyson รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ เข้ามาผลิตที่ประเทศไทย เพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้ถูกปากคนไทยยิ่งขึ้น และมั่นใจในคุณภาพ ทั้ง Food Safety และ Food Quality

3. ความสะดวก ผลิตภัณฑ์ Tyson ถูกพัฒนาให้สามารถรับประทานได้ง่าย และสะดวกต่อลูกค้า เพียงแค่ฉีกซอง ทอดหรืออุ่น ก็อร่อยฟินได้ง่ายๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

จัดเต็มการตลาด – กระจายทุกช่องทางขาย

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในการขยายฐานแบรนด์ Tyson ไปยังกลุ่มลูกค้า B2C เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และเจาะตรงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 20 – 40 ปี ทั้งคนโสด และแต่งงาน ที่มีวิถีชีวิตค่อนข้างยุ่ง และเร่งรีบ จึงได้สื่อสารภายใต้สโลแกน “ฟินเต็มคำ อร่อยง่าย ได้คุณภาพ” และจุดขาย “ฉีก ทอด อร่อย ฟิน”

ที่มาของสโลแกน และจุดขายดังกล่าว เพื่อตอกย้ำถึงจุดเด่นของแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ Tyson นั่นคือ Great Flavor from Great Innovation” ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต ใช้เทคโนโลยีการหมักระบบสุญญากาศ และเทคนิคการเคลือบแป้งกรอบ และได้รสชาติเข้มข้น จึงรับประกันได้ว่าอาหารทุกชิ้นจาก Tyson อร่อย กรอบนอก นุ่มใน และมีคุณภาพ

ในขณะที่ขั้นตอนการรับประทาน ทั้งสะดวก และง่ายแสนง่าย เพียงแค่ผู้บริโภคนำออกจากตู้เย็น ฉีกซอง แล้วทอดได้ทันที โดยไม่ต้องละลายน้ำแข็ง ใช้เวลาการทำไม่ถึง 10 นาที ก็ได้สัมผัสความฟิน ทั้งความกรอบตั้งแต่คำแรกยันคำสุดท้าย เนื้อที่นุ่ม เต็มคำ ด้วยรสชาติที่อร่อยและถูกใจทุกคน ตอกย้ำแนวคิดเรื่อง ฉีก ทอด อร่อย ฟินได้ชัดเจน

ขณะที่ช่องทางการขาย ได้กระจายเข้าเชนซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีสาขาทั่วประเทศ ได้แก่ โลตัส, โลตัส โก เฟรช, บิ๊กซี, มินิ บิ๊กซี, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด​ ฮอลล์, กูร์เมต์มาร์เก็ต, วิลล่า มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, แม็กซ์ แวลู, ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต

นอกจากนี้ยังได้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีทั้งช่องทางออนไลน์ของ Tyson เอง และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, LAZADA, JD Central และ Food Panda

การทำตลาด B2C ครั้งแรกอย่างเต็มตัวของ “Tyson” ในประเทศไทย ไม่เพียงแต่สร้างความหลากหลายให้กับตลาดอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อทำให้ผู้บริโภคไทยมีทางเลือกมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์การรับประทานเมนูใหม่ๆ ในแบบฉบับต้นตำรับสไตล์อเมริกันแท้ด้วยเช่นกัน  


แชร์ :

You may also like