เสียวหมี่เปิดตัวเลขไตรมาส 3 ทำรายได้ทะลุ 7.8 หมื่นล้านหยวน เติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตทะลุ 7.3 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 27.1% โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านราย
นอกจากรายได้รวมของไตรมาสที่ทำได้ 7.8 หมื่นล้านหยวนแล้ว บริษัทยังมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1.42 หมื่นล้านหยวน เติบโตขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย ส่วนกำไรหลังการปรับปรุง อยู่ที่ 5,180 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 25.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย
ในขณะเดียวกัน ฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต (MIUI) ของเสียวหมี่ทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นเกินกว่า 500 ล้านผู้ใช้เป็นครั้งแรก (จากข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2021) โดยเป็นผู้ใช้งานจากประเทศจีน 127.3 ล้านราย สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 16.4%
ขณะที่จำนวนผู้ใช้รายเดือนของเสียวหมี่สมาร์ททีวีทั่วโลกและเสียวหมี่บ็อกซ์ (Xiaomi Box) ขยายตัวขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2021 จำนวนผู้ใช้บริการแบบเสียค่าสมาชิกอยู่ที่ 4.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 13.5%
รายได้โฆษณาโต 44.7%
นอกจากนั้น ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 รายรับจากธุรกิจโฆษณาของเสียวหมี่ยังอยู่ที่ 4.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 44.7% รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้น
เสียวหมี่มีรายรับจากธุรกิจเกมอยู่ที่ 1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 25% ส่วนรายได้อื่น ๆ อยู่ที่ 1.6 พันล้านหยวน
ส่วนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนานั้น บริษัทมีการใช้จ่ายไปกว่า 9.3 พันล้านหยวนใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 51.4 % โดยผลงานที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่การเปิดตัว Xiaomi Smart Glasses แว่นอัจฉริยะ เมื่อเดือนกันยายน และเปิดตัวเทคโนโลยี Loop LiquidCool Technology ที่ช่วยระบายความร้อนสมาร์ทโฟนขณะใช้งานหนักในเดือนพฤศจิกายน โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 แผนกวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่มีพนักงานรวมทั้งหมด 13,919 คน หรือคิดเป็น 44% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
ยอดขายสมาร์ทโฟนต่างประเทศเพิ่ม
รายได้จากตลาดต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มขึ้นเป็น 4.09 หมื่นล้านหยวนในไตรมาสที่ 3 คิดเป็น 52.4% ของรายได้ทั้งหมด และจากการรายงานของ Canalys พบว่า เสียวหมี่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 1 ใน 11 ประเทศและภูมิภาค และยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกใน 59 ประเทศและภูมิภาค โดยสามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนกว่า 43.9 ล้านเครื่องทั่วโลก ครองอันดับ 3 ของโลกโดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 13.5% และมีรายได้จากการขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 4.78 หมื่นล้านหยวน
ในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2564 ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ที่มีราคา 3,000 หยวนหรือมากกว่าในประเทศจีน และสินค้าที่มีราคา 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศนั้นอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็น 12% ของยอดส่งมอบทั้งหมด โดยในไตรมาสที่ 3 สำหรับตลาดต่างประเทศ ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาตั้งแต่ 300 ยูโรขึ้นไปหรือเทียบเท่านั้นเติบโตขึ้น 180% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดหลักคือละตินอเมริกา ยุโรปตะวันตก และตะวันออกกลาง
ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดในเดือนพฤศจิกายน ยอดขายรวมของสมาร์ทโฟน Xiaomi และ Redmi ยังได้ขึ้นครองอันดับ 1 บนเว็บไซต์ Tmall.com, JD.com และ Suning.com นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียมของกลุ่มบริษัทฯ ยังมียอดขายเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่มีราคาตั้งแต่ 4,000 หยวนขึ้นไป บนเว็บไซต์ Tmall.com และ JD.com
ทั้งนี้ ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ผ่านช่องทางออฟไลน์ในช่วงเทศกาลชอปปิ้งวันคนโสดนั้น ยังเพิ่มขึ้นกว่า 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ธุรกิจ IoT ทำรายได้ 2 หมื่นล้านหยวน
รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 อยู่ที่ 2.09 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดส่งมอบสมาร์ททีวีของเสียวหมี่สูงถึง 3 ล้านเครื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 19.5% และยังติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์ทีวีของโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 อีกด้วย
นอกจากนั้น ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวตู้เย็นอัจฉริยะ 4 ประตู ความจุ 550 ลิตร และเครื่องซักผ้าขนาดเล็ก ตลอดจนเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะด้วย โดยปัจจุบัน เสียวหมี่มีจำนวนอุปกรณ์ AIoT ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป) เกินกว่า 400 ล้านเครื่องเป็นครั้งแรก และมีจำนวนผู้ใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ AIoT ของเสียวหมี่ 5 เครื่องหรือมากกว่านั้นขึ้นไป บทแพลตฟอร์มทะลุ 8 ล้านคน
สุดท้ายคือช่องทางค้าปลีกออฟไลน์ ปัจจุบัน เสียวหมี่มีสาขาของ Mi Store มากกว่า 10,000 สาขาในจีนแล้ว