วิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในวันนี้ เป็นโจทย์ใหม่ที่สร้างความท้าทายให้กับทุกองค์กร รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกที่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบัน สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถฝ่าวิกฤตมาแล้วทุกยุคสมัย และในทุกครั้งได้นำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่ฉีกแนว และนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่วงการค้าปลีกได้ก่อนใคร ใน 3 ปีที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้เดินหน้าผลักดันองค์กรให้ก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การพัฒนาฐานข้อมูลที่ทรงพลัง เพื่อนำไปสู่การสร้างธุรกิจทางดิจิทัลหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างเต็มที่ รวมถึงจัดโครงสร้างองค์กรของบริษัทในเครือ 48 บริษัท เพื่อพัฒนาระบบให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมีความคล่องตัวสูง โดยมีเป้าหมายชัดเจนให้กับบุคลากรทุกกลุ่มในบริษัท คือ การยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นำนวัตกรรมมาพัฒนาศักยภาพของทีมงาน พร้อมให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เป็นผู้นำและพิสูจน์ความสามารถ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่จะเป็น Talk of the world
นางอัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว “ถึงแม้ว่าการนำพาองค์กรเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด แต่สยามพิวรรธน์มีพื้นฐานคุณค่าองค์กรที่เข้มแข็งทั้งในด้านธุรกิจ พันธมิตร และทรัพยากรบุคคล มีประสบการณ์ในการเผชิญวิกฤตมาแล้วทุกรูปแบบ จึงมีความเข้าใจและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เราเรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน ไม่ยึดติดกับความสำเร็จและรูปแบบการดำเนินการเดิม ๆ สยามพิวรรธน์จะคิดนำไปข้างหน้า และมองหาสิ่งที่จะมาเป็นวิถีชีวิตแห่งอนาคตอยู่เสมอ จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าสู่ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) อย่างเต็มตัว โดยได้พัฒนารูปแบบการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) และใช้ประโยชน์จากระบบข้อมูลที่แม่นยำเป็นตัวผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการทำงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป รวมถึงเติมเต็มความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจทุกคน”
ด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้สร้างจักรวาลแห่งประสบการณ์ เชื่อม “โลกคู่ขนาน” ออฟไลน์-ออนไลน์ สยามพิวรรธน์ได้ปฏิวัติธุรกิจค้าปลีกอีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากภายในองค์กรสู่ภายนอก จัดทัพบุคลากรที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถหลากหลาย และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาร่วมทีม เปิดโอกาสให้รับผิดชอบโครงการใหม่ ๆ ที่สยามพิวรรธน์กำลังทำอยู่ เพื่อเสริมทัพให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดและประสบความสำเร็จอย่างสง่างามเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
นายทัสพร จันทรี Head of Organization Transformation สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จในการเป็นองค์กรชั้นนำซึ่งปรับตัวให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลนั้น ไม่ใช่เทคโนโลยี หรือเงินทุน เท่านั้น แต่ยัง ต้องให้ความสนใจ ขีดความสามารถขององค์กร อันประกอบไปด้วย โครงสร้างองค์กร ผู้นำ รูปแบบการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร รวมถึง บุคลากรทุกระดับ ให้มีความพร้อมมากที่สุดในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบุคลากร เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าคนที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ในอนาคตคือคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีแนวคิด ทัศนคติ และวิธีการทำงานที่แตกต่างจากวิธีการเดิม ๆ เราจึงเปิดรับบุคลากรใหม่ ๆ เและมอบโอกาสการให้ได้เรียนรู้และทำงานกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่มาจากองค์กรชั้นนำและต่างประเทศ ซึ่งกำลังร่วมทำโครงการของสยามพิวรรธน์อยู่ในขณะนี้ ทุกวันของการทำงานกับสยามพิวรรธน์ คือโอกาสที่จะคิดและสร้างสรรค์ ได้รับความรู้ที่ล้ำ และทำงานในสิ่งแวดล้อมซึ่งมีอิสระและยืดหยุ่น ที่สำคัญจะได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่า เติมเต็มความภาคภูมิใจในตนเองด้วย”
“สยามพิวรรธน์ ได้ดำเนินการพัฒนาองค์กรใหม่ทั้งระบบ เริ่มจากการจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ให้มีลำดับชั้นที่ไม่ซับซ้อน เพื่อให้คนทำงานได้มีส่วนในการตัดสินใจที่รวดเร็ว บนพื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีคุณภาพ อันเป็นการทำงานแบบอไจล์ (Agile Working Approach) เพราะสยามพิวรรธน์จะขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยการทำงานเป็นโครงการธุรกิจพิเศษ (Project Base) จึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้รับผิดชอบงานได้มีบทบาทสำคัญร่วมกับคนเก่ง ๆ จากองค์กรระดับโลกที่เข้ามาช่วยสยามพิวรรธน์พัฒนาโครงการ ซึ่งจะกลายเป็น “โครงการระดับโลก” เราเร่งการเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ผู้นำ และนำเสนอความคิดใหม่ ๆ ที่สามารถจะนำมาต่อยอดให้กับองค์กรได้อย่างเต็มที่ และจะได้ทำงานเต็มศักยภาพโดยไม่มีขีดจำกัด ประสบการณ์เหล่านี้จะเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสทำงานกับคนเก่ง ๆ จากองค์กรชั้นนำของโลกซึ่งเป็นพันธมิตรกับสยามพิวรรธน์” นายทัสพร กล่าวเสริม
การยกระดับขีดความสามารถของพนักงาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความ สำคัญอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อม สำหรับอนาคต (Future Ready workforce) ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อมในการทำงานยุคดิจิทัล (Digital Literacy) แล้ว สยามพิวรรธน์ยังได้เรียนเชิญ รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย รองอธิการบดี ด้านการวางและกำหนดยุทธศาสตร์ นวัตกรรม และพันธกิจสากล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้า มาร่วมวางระบบการพัฒนาบุคลาการให้มีความพร้อม ควบคู่ไปกับการ สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการคิดและพัฒนานวัตกรรมในองค์กรสู่อนาคตอย่างยั่งยืน (Sustainability Development)
รศ.ดร. ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย กล่าวว่า “เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในโลกปัจจุบันได้สร้างความท้าทายให้กับทุกภาคส่วน ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงปรับบทบาท โดยมุ่งสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม ส่งเสริมทักษะความคิดเพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเเข่งขันในยุคดิจิทัลได้ ซึ่งล่าสุดได้มาร่วมกับสยามพิวรรธน์ในการวางแผนพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มี Future Skills ที่จำเป็นในการสร้างธุรกิจนวัตกรรม เช่น ทักษะ Design Thinking, Technology Innovation เป็นต้น นอกจากนี้ยังสนับสนุนการทำโครงการนวัตกรรมร่วมกัน ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่เราร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำองค์ความรู้สำคัญที่จะช่วยสร้างและส่งเสริม ‘คน’ ในองค์กรขนาดใหญ่ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจให้เดินหน้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เป็นการช่วยเร่งการยกระดับขีดความสามารถของภาคเอกชน ให้สรรค์สร้างธุรกิจนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจเเละสังคมไทยอย่างยั่งยืน”
นางจารุนันท์ อิทธิอาวัชกุล ที่ปรึกษา สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และเป็นผู้เชี่ยวชาญและ influencer คนสำคัญในวงการพัฒนาบุคลากร กล่าวเสริมว่า “การพัฒนาองค์กรนั้น นอกจากการพัฒนาคนให้มีทักษะใหม่ ๆ แล้ว ยังต้องส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่องค์กรมุ่งจะไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคนให้มีทักษะใหม่ เราเน้นการลงมือทำงานจริง เช่น การลงไปทำงานร่วมกันแบบ Cross team ซึ่งจะมีรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มาช่วยโค้ชให้ และเรายังได้สร้างกลุ่มพนักงานคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็น Certified Scrum Master จำนวนมาก เพื่อช่วยอำนวยการเรียนรู้และทำงานร่วมกันแบบรุกรับฉับไว และส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เราได้ดำเนินโครงการ Change to Shine ปรับแล้วรอด เปลี่ยนแล้วรุ่ง โดยมีตัวแทนพนักงานจากทุกสายงานทำหน้าที่เป็นผู้นำและผลักดันการเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า Change Warrior ให้กับองค์กร ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Change Agent ทำหน้าที่ปฏิรูประบบการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และ Employee Engagement Champion หรือผู้สื่อสารและสนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ทุกคนพร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Work as One) ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานร่วมกันของพนักงานรุ่นพี่มากประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์”
สยามพิวรรธน์เชื่อว่าการปรับองค์กรด้วยการมุ่งมั่นพัฒนาคน จะช่วยขับเคลื่อนสู่องค์กรค้าปลีกในยุคดิจิทัลที่ผสานออฟไลน์-ออนไลน์ ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีทีมงานที่มีศักยภาพสูง เป็นหัวใจให้สยามพิวรรธน์สามารถเอาชนะการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแน่นอน การได้ร่วมงานกับสยามพิวรรธน์ถือเป็นเส้นทางของคนรุ่นใหม่ในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านความรู้ การได้ลงมือทำจริง เปิดมุมมองใหม่ในการทำงานเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง และเติบโตไปพร้อมกับองค์กร โดยเรายังคงเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เพื่อสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง และมีคุณภาพ