ในอดีตโมเดลการทำธุรกิจของ Property Developer โครงการศูนย์การค้า จะมองหาทำเลที่มีศักยภาพ แล้วสร้างศูนย์การค้าบนทำเลนั้นๆ โดยมีสินค้า-บริการหลากหลายหมวดหมู่, การสื่อสาร – กิจกรรมภายในศูนย์ฯ – สิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เป็นแม่เหล็กดึงผู้บริโภคมาใช้บริการ
แต่ในยุคดิจิทัล และยิ่งมาเจอกับสถานการณ์ COVID-19 การเปิด Physical Shopping Mall อย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป
แต่ต้องพัฒนา “แพลตฟอร์มดิจิทัล” เพื่อสร้าง Ecosystem ที่เชื่อมต่อระหว่าง Physical กับ Digital เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และในอนาคตแพลตฟอร์มนั้น ต้องสามารถรองรับ “สินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Assets) ได้ด้วย
อย่างความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “กลุ่มสยามพิวรรธน์” ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ใช้เวลา 13 เดือนในการปรับกลยุทธ์ และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล “ONESIAM SuperApp” ซึ่งจะเป็น New Growth Engine ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ที่จะทำให้ Business Ecosystem ขยายออกไปมากกว่าการเป็น Physical Shopping Mall และยังสามารถรองรับ Digital Assets ประเภทต่างๆ
ทำความรู้จัก “ONESIAM SuperApp” โฟกัสลูกค้ากลุ่ม Affluence
“ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญมากในการทำธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ระบบนิเวศธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เกิดโอกาสในการเชื่อมโยงระบบดิจิทัลซึ่งกันและกัน ดังนั้นธุรกิจค้าปลีกไม่จำเป็นต้องวางกรอบตัวเอง อยู่ในอุตสาหกรรมเดิมอีกต่อไป
แต่สามารถสร้างธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ จากการเชื่อมต่อกับพันธมิตร อีกทั้งผสานฐานลูกค้าให้มีการบริหารจัดการที่จะส่งประโยชน์สูงสุดพร้อมมอบหลากหลายประสบการณ์บนแพลตฟอร์มเดียวให้ลูกค้า
สยามพิวรรธน์มองเห็นโอกาสนี้และได้เริ่มพัฒนาระบบนิเวศธุรกิจพรีเมียมระดับโลกที่จะเชื่อมคู่ค้าพันธมิตรจากทั่วโลก (Global Ecosystem) ให้เติบโตร่วมกันบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งทั้งหมดนี้ มาจากหลักในการดำเนินธุรกิจของสยามพิวรรธน์ที่ยึดมั่นในการ Share Values และ Co-creation เพื่อให้เกิดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าร่วมกันอย่างยั่งยืน” คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ฉายภาพการปรับตัวขององค์กร
ยุทธศาสตร์ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ และการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ONESIAM SuperApp” โฟกัสที่กลุ่ม “Affluent Customer” ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งในประเทศไทย มีประชากรกลุ่มนี้ 7 ล้านคน หรือเซ็กเมนต์ A ถึง B+ โดยตั้งเป้าตั้งเป้าการดาวน์โหลดไว้ที่ 5 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2565
แอปฯ ONESIAM พัฒนาขึ้นภายใต้ 4 แนวคิด ประกอบด้วย
1. Sharing Economy : ONESIAM SuperApp ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นแพลตฟอร์มที่จะมอบประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้ทั่วถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
– ลูกค้าทั่วโลก – ONESIAM SuperApp นอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มที่มอบจักรวาลแห่งประสบการณ์เหนือความคาดหมาย แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิกแล้ว ยังจะทำให้ทุกการจับจ่ายใช้สอยเกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ผ่านการปฏิวัติระบบ Loyalty Program ให้เป็นระบบเพิ่มมูลค่า โดยลูกค้าจะได้รับคืนเป็น VIZ COIN จากการจับจ่ายใช้สอยตามเงื่อนไขที่กำหนด ยิ่งไปกว่านั้น สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะขยายการให้บริการครอบคลุมเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าในไตรมาสแรกของปีหน้า ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายอีกด้วย
– คู่ค้า และร้านค้าชั้นนำจาก 4 ศูนย์การค้า – สยามพิวรรธน์วางกลยุทธ์ให้ ONESIAM SuperApp เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนและใช้คะแนนสะสม (Earn & Burn Destination) จากพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการขาย สร้างแบรนด์ สนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มยอดขายซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง
– พันธมิตรทางธุรกิจ – ONESIAM SuperApp จะเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่พันธมิตรในระบบนิเวศธุรกิจ (Global Ecosystem) ของสยามพิวรรธน์สามารถใช้ร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจของตนเองสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ ๆ อีกทั้งเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนและการใช้ VIZ COIN รวมถึงสิทธิประโยชน์ พันธมิตรทุกรายสามารถขยายฐานลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้ไปได้อย่างไร้ข้อจำกัดและไร้พรมแดน
2. Co-creation สยามพิวรรธน์ได้ผนึกกำลังกับองค์กรนวัตกรรม พันธมิตร คู่ค้า แบรนด์ที่แข็งแกร่งจากทั่วโลกในการสร้างมหกรรมคอนเทนต์จากฝีมือ Content Makers ระดับโลก สร้างสรรค์แคมเปญการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึง Loyalty Program โดยพันธมิตรในระบบนิเวศสามารถร่วมสร้าง Community ตามความสนใจของกลุ่มลูกค้า
ในปี 2022 ONESIAM SuperApp จะถูกพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถมา Co-create Content ร่วมกันในแต่ละ Community ได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย
3. Collaborate to Win ปรากฏการณ์ครั้งแรกของการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มจากหลากหลายประเภทธุรกิจของพันธมิตรในระบบนิเวศ อาทิ Fintech Platform, S-Commerce และ E-Commerce, NFT, Cryptocurrency/Benefits และ Metaverse เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าและสมาชิกของพันธมิตรทุกรายได้เข้าถึงทุกธุรกรรมได้บนแพลตฟอร์มเดียว ทั้งนี้พันธมิตรของสยามพิวรรธน์สามารถร่วมคิดและพัฒนาธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ ร่วมกันบน ONESIAM SuperApp นี้ได้เสมอ
4. Sustainable Growth for All จากพันธกิจของสยามพิวรรธน์ ที่ตั้งเป้าให้ทุกฝ่ายสามารถเติบโตไปด้วยกันได้บนแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp เป็นการเปิดโลกใหม่ของการทำธุรกิจดิจิทัลที่ทลายทุกข้อจำกัด ส่งผลให้เกิดการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว และขยายฐานลูกค้าซึ่งกันและกันระหว่างพันธมิตร มีโอกาสที่จะร่วมกันพัฒนาให้เกิดธุรกิจดิจิทัลใหม่ ๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด และขยายฐานลูกค้าสู่ Global Citizen ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นการเติบโตด้วยความมั่นคงอย่างยั่งยืน
“ตอนเราคิดกลยุทธ์สร้างแพลตฟอร์ม ONESIAM ขึ้นมา เราตั้ง 2 คำถามคือ 1. ลูกค้าสยามพิวรรธน์คือใคร และ 2. ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่เราเพื่ออะไร ฟังดูเป็นคำถามทั่วไป แต่เป็นคำถามสำคัญ เพราะนั่นจะเป็นโฟกัสและจุดแข็งของเรา ซึ่งถ้านึกถึงกลุ่มลูกค้าของสยามพิวรรธน์ จะนึกถึง Crazy Rich Asia นั่นคือกลุ่มเป้าหมายของเรา
ลูกค้าของเรา คือ Affluent Customer 7 ล้านคนทั้งประเทศไทย เราไม่ได้ต้องการ Mass แต่เราโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เราถนัดและเป็นจุดแข็ง ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้สนใจลด แลก แจก แถม แต่ต้องการประสบการณ์ที่ตอบโจทย์เขา และเหตุผลที่ลูกค้ากลุ่มนี้มาใช้บริการศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ เพราะคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ดังในศูนย์ฯ นั่นคือ DNA ที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น” คุณอริยะ พนมยงค์ ทำหน้าที่ประธานบริหารสายงานนวัตกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational นำทัพการพัฒนาแอปฯ ONESIAM ฉายภาพจุดแข็ง
พลิกโฉม Loyalty Program เปลี่ยนคะแนนสะสม ให้เป็น Digital Coin “VIZ COIN” ใช้แทนเงินสด
จากแนวคิดการพัฒนา ONESIAM SuperApp หนึ่งในไฮไลท์น่าสนใจคือ สยามพิวรรธน์ได้ revamp ระบบ Loyalty Program ใหม่ทั้งหมด จากเดิมเป็นรูปแบบ “คะแนนสะสม” (Point) แต่กลับพบว่าสร้าง Pain Point ให้กับสมาชิกไม่น้อย จึงได้เปลี่ยนเป็น “VIZ COIN” โดยมูลค่าของ 1 VIZ COIN = 1 บาท
ในเฟสแรก สามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มแอปฯ ONESIAM, ร้านค้าใน 4 ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ และคู่ค้า – พันธมิตร รวม 50 บริษัทจาก 13 อุตสาหกรรม – เกือบ 1,000 แบรนด์
ขณะที่ในปี 2565 จะขยายคู่ค้าและพันธมิตรเพิ่มเป็น 100 บริษัท และ 1,000 แบรนด์ รวมทั้งสามารถนำ VIZ COIN ไปใช้กับร้านค้าพันธมิตรนอกศูนย์การค้าได้อีกด้วย
“การผนึกร้านค้า พันธมิตรปฏิวัติระบบ Loyalty Program แบบใหม่ ใช้ VIZ COIN ที่ 1 เหรียญ มีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท ยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้าและบนช่องทางออนไลน์
อีกทั้งได้ร่วมมือกับ Loyalty Program ของพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนสะสมในบัตรเครดิตธนาคาร หรือบัตรสมาชิกต่างๆ เป็น VIZ COIN เพื่อใช้ซื้อสินค้าได้คุ้มค่าและสะดวกสบายขึ้น ยิ่งช้อปยิ่งสะสม VIZ COIN แล้วนำมาใช้ต่อได้ทันที รวมถึงสร้างให้ ONESIAM SuperApp เป็น Earn & Burn Destination กับร้านค้าและพันธมิตรใน Global Ecosystem” คุณปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เล่าถึงการพัฒนา VIZ COIN
ปั้น ONESIAM ให้รองรับ Digital Assets ได้หลายประเภท
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ ONESIAM SuperApp คือ การก้าวสู่ยุค “Beyond Retail” ไม่ใช่แค่การเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเสนอสินค้าและบริการจับต้องได้ (Physical Goods) เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถรองรับ “Digital Assets” หรือ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ในหลากหลายประเภท
ในต้นปี 2565 สมาชิกจะสามารถใช้ ONESIAM SuperApp ในการทำธุรกรรมดิจิทัลในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ “Digital Assets” และ “Digital Utility” เพิ่มเติมจาก Loyalty Program
– ในช่วงแรกนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นมากกว่ารีเทลระดับโลกในรูปแบบ “งานศิลปะดิจิทัล NFT” ด้วยการเปิดตัว ความร่วมมือกับ KASIKORN X หรือ KX เป็นพันธมิตรแรกในการก่อตั้ง Coral – Super Simple NFT Marketplace (CORALWORLD.CO) เพื่อเป็นการสนับสนุน ผลักดัน ต่อยอด งานศิลปะ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ทั้งออนไลน์และ ออฟไลน์ ของศิลปินไทยและภูมิภาคในประเทศไทยและไปสู่ระดับโลก
– ร่วมมือกับ Zipmex ในการแลกซื้อคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟผ่าน Zipmex Token (ZMT)
จากนั้นพัฒนาสู่ช่วงที่สองในปี 2565 ซึ่งทางสยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เช่น
– X Spring (เอ็กซ์สปริง)
– J Ventures (เจ เวนเจอร์ส) เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรภายในปีหน้า
– เตรียมขยายศักยภาพการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงบน Metaverse ด้วยการจับมือกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่เชื่อมต่อประโยชน์อันหลากหลายไว้ในที่เดียว และจะมีการพัฒนาธุรกิจและกิจกรรมดิจิทัลเรื่องอื่น ๆ บน ONESIAM SuperApp อย่างต่อเนื่อง
“ในปีหน้าจะเป็น Milestone สำคัญของการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Cypto (คริปโต), NFT, Gaming ยิ่งขณะนี้มียักษ์ใหญ่เข้ามาเล่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว จึงเป็นสัญญาณว่าภายใน 1 – 2 ปีนี้ อาจจะได้เห็นผู้ใช้ Digital Assets เหล่านี้ ทั่วโลกหลัก 1,000 ล้านคน จากปัจจุบันมี 200 – 300 ล้านคน
สำหรับสยามพิวรรธน์ “สินทรัพย์ดิจิทัล” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาไปสู่ Beyond Retail เพราะเล็งเห็นว่าความเป็น Retail ที่ผ่านมาเน้นสินค้าจับต้องได้ หรือ Physical Goods แต่อนาคตจะเห็น Digital Assets มากขึ้น เพื่อตอบรับความนิยมของผู้คนที่เพิ่มมากขึ้น
รอบนี้องค์กรต่างๆ จะปรับตัวได้เร็ว เพราะในสมัยอินเทอร์เน็ตมา หลายองค์กร หลายแบรนด์ปรับตัวไม่ทัน แต่คราวนี้ทุกคนรู้แล้วว่า ทั้ง Blockchain, Cypto, Metavers หรืออื่นๆ มาแน่นอน แม้ภาพที่ปรากฏขึ้นเวลานี้อาจจะยังมัวๆ อยู่ แต่แบรนด์มองว่าตนเองต้องไม่พลาด ทุกคนต้องเข้าไปอยู่ในเทรนด์นี้ก่อน” คุณอริยะ ขยายความเพิ่มเติมถึงแนวโน้มของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2565
ทั้งนี้ การสร้าง ONESIAM SuperApp สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น
– บริษัท Transformational Perx Technologies ที่เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะเป็นประโยชน์ทั้งกับกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่มกับสิทธิประโยชน์เหนือระดับผ่าน Loyalty Program รูปแบบใหม่ที่ใช้ VIZ COIN มาแทนการสะสมคะแนนแบบเดิม ช่วยให้คุณสะสมได้ง่ายและใช้ได้สะดวกขึ้น รวมทั้งสนุกกับการจับจ่ายใช้สอยผ่านประสบการณ์แบบเกมมิฟิเคชัน (Gamification)
– Adobe ผู้ดูแลระบบการจัดการคอนเทนต์ (Content Management) การทำ Personalization ให้กับกลุ่มลูกค้า
– Huawei Technologies ผู้ให้บริการด้าน Cloud Service
นอกจากนี้สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะจับมือร่วมกับบริษัทชั้นนำสำหรับการพัฒนาเชื่อมสู่แพลตฟอร์มโลกการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไปในอนาคต
“คอนเทนต์” แม่เหล็กดึงคนใช้เวลาอยู่กับแอปฯ ต่อเนื่อง
หัวใจสำคัญของการพัฒนา SuperApp คือ การทำให้ผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานแอปฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดึงคนให้ใช้เวลาอยู่กับแอปฯ นอกจากใช้งานง่าย นำเสนอสินค้า สิทธิประโยชน์ หรือโปรโมชั่นได้ลงลึกเฉพาะบุคคล ยังต้องมี “คอนเทนต์” (Content) และสร้างให้เป็น “คอมมูนิตี้” (Community)
อย่าง ONESIAM SuperApp ผนึกความร่วมมือกับผู้นำความคิด คนรุ่นใหม่ พันธมิตร ร้านค้า คู่ค้า มาร่วมสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มให้ได้รู้ก่อนใคร รวมทั้งนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายตามความสนใจของลูกค้า เพื่อเชื่อมโยงและสร้างการมีส่วนร่วม โดยมีคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน จาก 5 คอมมูนิตี้หลัก ได้แก่
– Style: แฟชั่น เครื่องประดับ
– Glow : สุขภาพ ความสุขสมบูรณ์ ความงาม เครื่องบำรุงผิว
– Feast หรือ การเฉลิมฉลอง: อาหาร เครื่องดื่ม การสังสรรค์
– Travel หรือการแสวงหา : การท่องเที่ยว ศิลปะ วัฒนธรรม ดีไซน์
– Fun หรือกิจกรรมยามว่าง : กีฬา เกมส์ แกดเจ็ต
โดยใช้ Data และ เทคโนโลยี AI ในการเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า พร้อมด้วย Hyper Personalized Marketing ที่จะวิเคราะห์ และคาดการณ์การรับข่าวสารและซื้อสินค้าครั้งหน้าของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งจะช่วยให้บริหารจัดการสินค้าและบริการทุกประเภทได้ดีขึ้น รวมทั้งสร้างแคมเปญ และการนำเสนอคอนเทนต์ให้ตรงใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการเชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน Online – Offline ให้กับลูกค้า
“การซื้อของมีราคา แบรนด์ดัง โดยทั่วไปเราซื้อไม่กี่ครั้งต่อปี ดังนั้นถ้าเราสร้างแอปฯ ให้ซื้อของ โอกาสที่ลูกค้าจะใช้ทุกวันก็น้อย
แต่สิ่งที่จะดึงให้ลูกค้ามาใช้ทุกวัน คือ คอนเทนต์ เช่น ตอนนี้มีเทรนด์ มีซีซั่น มีคอลเลคชั่น มีอีเว้นท์ มี Pop-up Store อะไร สร้างให้เป็นคอมมูนิตี้ที่สามารถเข้ามาพบปะกัน และคอมมูนิตี้นี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นคอนเทนต์จึงเป็นสิ่งที่สร้าง Engagement ให้ลูกค้าเข้ามาอยู่กับแอปฯ ONESIAM ได้ตลอด และเมื่ออยากซื้อ ก็สามารถกดซื้อได้เลย” ผู้บริหารสยามพิวรรธน์ สรุปทิ้งท้าย