หากเป็นในอดีต เราคงได้เห็นโลกที่ Real Sector กับ Digital Sector แยกจากกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ในระยะหลัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจับมือกันของ Real Sector กับ Digital Sector กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และเป็นที่จับตาของหลาย ๆ ฝ่าย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอาจเป็นการผนึกกำลังกันของ Bitkub กับค่ายเดอะมอลล์กรุ๊ป เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อนำเงินคริปโตเข้าไปใช้จ่ายภายในห้าง หรือการประกาศลงทุนใน “บิทคับ ออนไลน์” มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาทของ SCB X ไปจนถึงการประกาศเปิดตัวบริษัทใหม่อย่าง Bitkub World Tech ของ “ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” และ “คุณวิชัย ทองแตง” นักลงทุนชื่อดัง เพื่อทำงานด้าน “การศึกษา”
แน่นอนว่าฟังไม่ผิด Bitkub World Tech เป็นบริษัทด้านการศึกษา ที่ทางบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และกลุ่มทองแตง มองว่าคือสิ่งที่ยังขาดแคลนในสังคมไทย และต้องการเข้ามาเติมเต็ม จึงมีการร่วมทุนกัน 50/50 เปิดตัวบริษัทดังกล่าวขึ้นมาอย่างเป็นทางการ โดย Bitkub World Tech จะเริ่มงานแรกในวันที่ 20 มกราคม 2022 นี้ กับการลงพื้นที่ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี พร้อมเป้าหมายในการปั้น “เด็กอาชีวะ” ให้กลายเป็น Blockchain Engineer สาขาอาชีพที่กำลังขาดแคลนทั่วโลก โดยใจกลางของความเปลี่ยนแปลงอย่างคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้กล่าวถึงหลักสูตรที่บริษัท Bitkub World Tech จะนำไปเผยแพร่ว่า
“หลักสูตรคือไดนามิค เป็นหลักสูตรที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพราะหนึ่งปีในวงการบล็อกเชน กับหนึ่งปีในโลกทั่วไปไม่เหมือนกัน เราจึงต้องสอนสิ่งที่มัน Relevant กับตลาดจริง ๆ แล้วต้องปรับแบบเรียลไทม์ตลอดเวลา”
สาเหตุที่ตั้ง Bitkub World Tech ขึ้นมาบุกเบิกงานด้านการศึกษานั้น คุณท็อปและคุณวิชัยมองเห็น Pain Point ข้อหนึ่งร่วมกันว่า การศึกษาคือสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เพียงแต่เราต้องมีวิชั่นที่เห็นถึงอนาคต ว่าสกิลเซ็ทอะไรที่โลกจำเป็นต้องมี ทำอย่างไรที่การศึกษาของประเทศจะพัฒนาจนคนไทยสามารถทำสิ่งที่คนทั่วโลกส่วนใหญ่ทำไม่เป็นได้ เมื่อถึงจุดนั้น เงินจะไหลเข้าประเทศไทยเอง
“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะพัฒนาอาชีวะในเมืองไทย ให้มีสกิลใหม่ เขียนบล็อกเชนได้ คิดว่ารายได้ต่อหัวของคนกลุ่มใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาจะขนาดไหน แล้วเขาจะเป็นกำลังสำคัญในการออกไปเปิดบริษัทที่เปลี่ยนโลกในอีกสิบปีข้างหน้าได้อีกมากมาย”
ทั้งนี้ แผนการในระยะแรกของ Bitkub World Tech คือการมุ่งสร้างความรู้ในภาคอีสานก่อน โดยหลังจากเปิดหลักสูตรที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีแล้ว จะขยับสู่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อจัดอบรมทาเลนท์รุ่นใหม่ต่อไป
Bitkub World Tech สร้างคนเพื่อตอบโจทย์ web 3.0
อย่างไรก็ดี หากมองย้อนกลับไปที่ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป จะพบว่าพวกเขามีบริษัทชื่อ Bitkub Academy อยู่แล้ว ซึ่งความแตกต่างระหว่างสองบริษัทนี้ คุณท็อปอธิบายว่า Bitkub Academy เน้นที่การเป็นแหล่งรวมความรู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และสอนในสิ่งที่ใช้ได้จริง คล้าย ๆ กับ khan academy ส่วน Bitkub World Tech คือเน้นการลงมือทำจริง เช่น การสอนว่าบล็อกเชนเขาทำกันอย่างไร
“การพัฒนาของโลกวันนี้กำลังเติบโตอย่างมหาศาล เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ 3 หรือที่เรียกกันว่า web 3.0 โดยถ้าให้เปรียบเทียบ web 1.0 ก็คือเหมือนตอนที่เราอ่านหนังสือพิมพ์ เราอ่านได้อย่างเดียว ไม่สามารถตอบโต้ หรือคอมเมนท์ได้ อินฟราสตรักเจอร์ที่ทำให้เราเข้าถึง web 1.0 ได้ในยุคนั้นก็คือโมเด็ม และคอมพิวเตอร์ นั่นคือ ปี 1990 – 2000″
“แต่พอปี 2000 – 2020 มันคือยุค web 2.0 คือยุค User generated content ที่เราสามารถอ่าน ให้ฟีดแบ็ก คอนเน็คกันได้ เราเริ่มคอนเน็คกันผ่านรูปภาพ ผ่านวิดีโอได้ โดยอินฟราสตรักเจอร์ในยุค web 2.0 คือคลาวด์คอมพิวติ้ง”
“สิ่งที่ผมจะบอกทุกคนก็คือ ตั้งแต่ปี 2021 – 2030 มันคือการมาของ web 3.0 ซึ่งก็คือการรวมเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น AR, VR, Metaverse, IoT การเข้าอินเทอร์เน็ตจะไม่ใช่ 2D แล้ว เพราะ web 3.0 จะเป็น 3D”
คนอาจไปตื่นตาไปกับ AR, VR, Metaverse ฯลฯ แต่ใต้สิ่งเหล่านั้นคือ บล็อกเชน, NFT, เงินคริปโต นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราต้องสร้างคนทำบล็อกเชนให้มากขึ้น เพราะสกิลเซ็ทนี้กำลังเป็นที่ต้องการของทั่วโลก
Web 3.0 สู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเกมธุรกิจ
คุณท็อป ยังได้กล่าวถึงเกมธุรกิจที่จะเปลี่ยนไปครั้งใหญ่จากการมาถึงของ Web 3.0 ด้วยว่า “สิ่งที่ Bitkub พยายามสร้างคือทาเลนท์ เพื่อรองรับโลกใหม่นี้ให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยยังไม่สามารถเติมเต็ม Skill Set ใหม่ ๆ นี้ได้ทัน เช่น การสร้าง Blockchain Engineer, การทำ BigData, Coding, Design Thinking เหล่านี้คือทักษะที่ขาดแคลนมาก ๆ เราเลยอยากสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา เพื่อดึงศักยภาพคนไทยให้มีสกิลเซ็ทที่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก และมันควรจะเริ่มทันที เพราะโลกกำลังจะไปถึงจุดพุ่งขึ้นของกราฟ exponential แล้ว”
ทั้งนี้ การจะไปยืนในจุดดังกล่าว ในฐานะคนบนโลกดิจิทัล คุณท็อปมองว่า “อีกสิบปีข้างหน้า พอเว็บ 3.0 มา กฎของการทำธุรกิจเปลี่ยนมหาศาลแน่นอน เราจะได้เห็นไอเดียเช่น Play to earn, Listen to earn, learn to earn, Exercise to earn เกิดขึ้นแทนที่โมเดลธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่ง Bitkub World Tech ก็เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ในลักษณะ learn to earn หรือ prove to earn เช่นกัน โดยการร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะของคนไทย ให้รองรับกับเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต”
ด้านคุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและนักลงทุน กล่าวว่า “การร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือว่าเป็นสะพานเชื่อมคนยุคเก่าและคนยุคใหม่เพื่อร่วมมือกันสร้างโอกาสแห่งอนาคต ถ้าเราเปิดใจและมองภาพอนาคตร่วมกัน พบว่ากระบวนการเปลี่ยนถ่ายของเทคโนโลยีขาดไปสิ่งหนึ่งคือ คุณธรรมและจริยธรรม โดยสามารถนำองค์ความรู้จากบิทคับหล่อหลอมและถ่ายทอดสู่รุ่นใหม่ จึงได้เกิด Bitkub World Tech ขึ้น”
“เหตุผลที่ผมเลือกที่จะร่วมมือกับ บิทคับ ผมศึกษาบริษัทบิทคับมาพอสมควร อยากจะขยายความร่วมมือไปทุกหย่อมหญ้า บิทคับมีความโด่งดังเรื่องดิจิทัล และไม่ได้มองแค่เรื่องคริปโทเคอร์เรนซี่ หรือ บล็อกเชน แต่ บิทคับเห็นถึงความยั่งยืนของโลกดิจิทัล และผมเองก็เล็งเห็นถึงความปลอดภัยของทุกคนที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของดิจิทัล ผมคิดว่าความธรรมดาของ ท็อป จิรายุส และ ความธรรมดาของครอบครัวทองแตง สามารถเชื่อมกันทำให้เกิดพลังในการเติบโตและการสร้างสรรค์ที่ดีในอนาคต”
ทั้งนี้ แนวทางในการเข้าร่วม ทางคุณวิชัยแจ้งว่า จะขอความร่วมมือใน 3 ข้อ ได้แก่
- ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงหรือเอาเปรียบผู้อื่น
- เรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อนำความรู้ไปสร้างสรรค์สังคมที่ดีและมีคุณธรรม
- แบ่งปันความรู้และโอกาสแก่ผู้อื่นเสมอ
“ผมอยากจะบอกว่า ประเทศไทยเสียโอกาสมหาศาลในยุค web 1.0, web 2.0 ที่เราไปกลัวมัน ไปยึดติดกับการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ซึ่งก็พอจะอยู่รอดในยุคนั้น แต่สิ่งที่ผมจะบอกทุกคนวันนี้ก็คือ ตั้งแต่ปี 2021 – 2030 มันไม่สำคัญว่า อดีตคืออะไร แต่มันสำคัญว่าในอีกสิบปีข้างหน้าโลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน เราจะทำอย่างไรให้คนไทยถือปืน ในขณะที่คนต่างชาติถือมีด ทำอย่างไรให้เราแข็งแรงแล้ว เราก็ไปบุกประเทศอื่นเขาบ้าง เพื่อเอาเงินเข้าประเทศ ไม่ใช่เงินไหลออกไปเรื่อย ๆ” คุณท็อปกล่าวปิดท้าย