Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
หลังจาก “สรรพากร” กำหนดแนวทางการจัดเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซี โดยการคำนวณภาษีเงินได้พึงประเมิน (กำไร) ประเด็นสำคัญคือ นำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรได้ในปีภาษีเดียวกัน และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ล่าสุด กรมสรรพากร ได้ออกรายละเอียดคู่มือ 32 หน้า วิธีจัดเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซี-โทเคนดิจิทัล กำหนด 5 กลุ่ม ผู้มีรายได้มีหน้าที่ยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด.90/91 สำหรับปีภาษีดังกล่าว ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
5 กลุ่มเสียภาษี
1. จำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี/ โทเคนดิจิทัล
2. ขุดคริปโทเคอร์เรนซี
3. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง
4. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซี/ โทเคนดิจิทัล จากการให้ หรือได้รับเป็นรางวัล
5. ได้รับผลประโยชน์ หรือผลตอบแทนการถือครองโทเคนดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี
ประเภทเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี
1. เงินได้จากการขายคริปโทเคอร์เรนซี ที่ได้มาจากการขุดคริปโทเคอร์เรนซี นั้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร โดยเงินได้ดังกล่าวสามารถนำหักค่าใช้จ่ายจริง (ต้นทุนในการขุด) ได้
2. กำไรจากการขายหรือการโอนคริปโทเคอร์เรนซี เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนนั้น (ราคาขายหักด้วยต้นทุน) ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร
3. ผลตอบแทนจากการนำคริปโทเคอร์เรนซีไปหาประโยชน์นั้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
ใครมีหน้าที่ยื่นแบบภาษีเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี
1. เงินได้จากการโอนหรือขายคริปโทเคอร์เรนซี เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
2. เงินได้จากการขายคริปโทเคอร์เรนซี ที่ได้จากการขุด
3. เงินได้จากผลตอบแทนใด ๆ จากการนำคริปโทเคอร์เรนซี ไปหาประโยชน์
กรณีซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลในต่างประเทศจะต้องเสียภาษีอย่างไร
– ขั้นตอนที่ 1 ดูว่าเป็นแหล่งเงินได้ในหรือนอกประเทศ โดยพิจารณาว่า Wallet ที่ใช้ในการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลนั้นอยู่ที่ประเทศใด
– ขั้นตอนที่ 2 หากเป็นแหล่งเงินได้ในประเทศ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย แต่หากเป็นแหล่งเงินได้ต่างประเทศ ผู้มีเงินได้ก็ย่อมมีหน้าที่เสียภาษีต่อเมื่ออยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 180 วันและได้นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกับที่อยู่ถึง 180 วัน
– กรณีผู้ถือครองคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล ได้ขายแล้วนั้น ไม่ว่าจะนำเงินออกจากบัญชีหรือไม่ ถือว่ามีเงินได้ในปีที่ขายแล้ว ผู้มีเงินได้จึงมีหน้าที่ยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.90 ในปีที่ขาย
ใครมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายนำส่ง
– กรณีนักลงทุน (ผู้ขายซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา) มีการขายหรือการโอนคริปโทเคอร์เรนซี ให้แก่ผู้ซื้อคริปโทเคอร์เรนซี (บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล) ในฐานะผู้จ่ายเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(4) (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร หน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ ตามมาตรา 50(2) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร
– นักลงทุน (ผู้ขายซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา) ในฐานะผู้มีเงินได้ที่ได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้จากการโอนหรือขาย คริปโทเคอร์เรนซี นั้น สามารถนำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีได
– เมื่อขาดทุนในปีนั้นแล้วทั้งกรณี 40(4) และ 40(8) หากปีต่อมามีกำไร ไม่สามารถนำขาดทุนที่เกิดขึ้นไปหักกลบในปีถัดไปได้
กรณีที่มีกำไรจากการซื้อขายแต่ไม่ได้ยื่นแบบภาษี
– กรมสรรพากรมีการตรวจสอบการมีเงินได้ หากผู้มีเงินได้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการหรือยื่นแต่เป็นเท็จนั้น ผู้มีเงินได้ย่อมรับโทษดังนี้
– กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี
– กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี
– กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
– กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
– กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านคู่มือ “วิธีคำนวณเงินได้” เพื่อยื่นแบบภาษีคริปโท
https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/lorkhor/information/manual_crypto_310165.pdf