เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน โดยเฉพาะในยุคที่ต้องทำงานแบบไม่ได้พบเจอหน้ากันจนหลายคนเกิดความเครียดสะสม ก็มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งออกไอเดียเก๋ สมัครใช้บริการ “แอปหาคู่” ให้พนักงานเสียเลย โดยทางบริษัทหวังว่า พนักงานจะได้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น และนำความสุขนั้นมาเติมพลังให้กับการทำงานได้ในที่สุด
แอปหาคู่ที่ออกมาเปิดเผยความเป็นไปดังกล่าวมีชื่อว่า Aill goen ที่ระบุว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ และองค์กรต่าง ๆ ในญี่ปุ่นสมัครใช้งานแล้วกว่า 800 แห่ง สอดคล้องกับข้อมูลจาก CyberAgent ระบุว่า ธุรกิจหาคู่ออนไลน์ในญี่ปุ่นเติบโตขึ้นถึง 4 เท่าในช่วงปี 2016 – 2020 ซึ่งการจับคู่เดทภายในแอป Aill ก็จะพิเศษกว่าแอปอื่น ๆ นั่นคือจะมีตัวเลือกเฉพาะพนักงานของบริษัทที่สมัครเข้าร่วมเท่านั้น
ชินะ โทโยชิมะ (China Toyoshima) ซีอีโอของแอป Aill ดังกล่าวบอกว่า การทำเช่นนี้เพราะต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย และสามารถช่วยพนักงานขององค์กรสร้างสมดุลในชีวิตได้จริง และเมื่อพนักงานมีความสุข ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใช้บริการมีตั้งแต่ NTT (Nippon Telegraph and Telephone Corp), Mizuho Securities, All Nippon Airways, The Mainichi Shimbun, East Japan Railway Company (JR East), Mitsubishi Electric Corporation ฯลฯ โดยบริษัทเหล่านี้มองว่า เป็นสวัสดิการเพื่อพนักงานอย่างหนึ่งที่บริษัทญี่ปุ่นสามารถเสนอให้ได้
ใช้ AI แนะนำ จังหวะไหนควรทำแต้ม
สิ่งที่น่าสนใจของแอปพลิเคชันดังกล่าวคือการใช้งาน AI ที่ปกติแล้ว แอปหาคู่มักใช้ AI ในการจับคู่คนสองคนให้มาเจอกัน แต่ AI ของ Aill นั้นมักจะให้คำแนะนำมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ถึงเวลาที่ควรจะชวนฝ่ายหญิงไปดูหนังแล้วหรือยัง หรือหากพบว่าฝ่ายชายรุกมากไป AI ก็อาจจะบอกให้ใจเย็น ๆ ก่อนแทน ซึ่งทางบริษัทผู้พัฒนาบอกด้วยว่า หลังจากเปิดให้บริการมา พบว่า 76% ของผู้ใช้งานสามารถนัดเดทได้สำเร็จ
ข้อดีอีกข้อหนึ่งของแอป Aill ก็คือการจำกัดตัวเลือกให้แอปให้มาจากบริษัทที่สมัครใช้บริการเท่านั้น เพราะคนวัยทำงานที่อายุ 30 – 40 ปี และยังไม่มีแฟนนั้นอาจไม่สะดวกใจที่จะใช้แอปหาคู่ที่มีในท้องตลาด แต่หากแน่ใจว่า ตัวเลือกที่อยู่ในแอปเป็นคนวัยทำงานในองค์กรที่ใกล้เคียงกับตัวเอง ก็อาจสะดวกใจมากขึ้นที่จะเริ่มการพูดคุยนั่นเอง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ชินะ โทโยชิมะ มองเห็นจากการสมัครเข้าใช้บริการขององค์กรก็คือ บริษัทต่าง ๆ มักคาดหวังว่าพนักงานของเขาจะมีไฟ – มีความคิดสร้างสรรค์ออกมา เพื่อให้องค์กรเติบโตตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงก็คือ ในช่วงที่ผ่านมา พนักงานมีความเหนื่อยล้าสะสมมาก ด้วยเหตุนี้ การทำให้พนักงานมีสมดุลในชีวิต นั่นคือมีทั้งชีวิตงานและชีวิตส่วนตัว อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่านั่นเอง