เพราะโซเชียลยุคต่อไปคือ “เกม” ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจึงประกาศแผนซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่ Activision Blizzard เจ้าของเกมดังอย่าง Call of Duty, World of Warcraft และ Candy Crush แล้ว ด้วยมูลค่า 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.29 ล้านล้านบาท
ดีลดังกล่าวถือว่ามีความน่าสนใจหลายประการ ข้อแรกคือการแสดงให้เห็นว่า วงการเกมมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา เราได้เห็นการแข่งขันของผู้ผลิตเกมคอนโซลอย่าง Playstation, Xbox, Nintendo ในช่วงปี 1990 – 2000 ที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีการแสดงผลภาพสมจริง จนมาถึงยุคที่เกมแพร่หลายเข้ามาสู่อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างสมาร์ทโฟน (ช่วงปี 2000 – 2010) และมีการเล่นเกมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ดี ในทศวรรษใหม่ (2022 – 2030) ที่เรากำลังจะก้าวเข้าไปนั้น เกมออนไลน์อาจไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิง แต่มันยังเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับโลก Metaverse ที่สามารถต่อยอดไปได้อีกหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น เกมอย่าง Fornite ที่มีการจัดไลฟ์คอนเสิร์ตภายในเกม และสามารถรองรับผู้ชมได้นับล้าน ๆ คน หรือเกม Roblox ที่บอกว่าเราสามารถเข้าไปสร้างเกมของเราเองได้บนระบบ แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ เข้าไปเล่นในนั้นได้
จุดอ่อน Facebook ดันตลาดเกมพุ่ง
แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่นิยมไปแฮงค์เอาท์กันในแอปอย่าง Discord หรือ Xbox Live มากขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่อายุไม่มากพอจะสมัคร Facebook หรือแอปโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็จะไปรวมตัวกันในเกมแทน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ มีรายงานจากวอชิงตันโพสต์ว่า ในแต่ละวัน พวกเขาเข้าไปรวมตัวกันในเกมเกือบ 50 ล้านคนเลยทีเดียว
เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจาก the Entertainment Software Association พบว่า สองในสามของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ และสามในสี่ของเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี “เล่นเกมทุกสัปดาห์” ขณะที่ในระดับโลก ในแต่ละเดือนจะมีคนประมาณ 400 ล้านคน เข้ามาเล่นเกมของค่าย Activision Blizzard เป็นประจำ ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าสูงกว่าผู้ใช้งาน Twitter และอาจเทียบเท่ากับผู้ใช้งาน WhatsApp รายเดือน (เมื่อปี 2016) ได้เลยทีเดียว
โซเชียลยุคต่อไป หมดใจ “ไถฟีด”
ที่สำคัญ ดีลครั้งนี้อาจหมายถึงโอกาสครั้งใหม่ของไมโครซอฟท์ หลังจากที่เคยพ่ายแพ้ในเกมของโซเชียลมีเดียให้กับ Facebook, Twitter, ฯลฯ ไปในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เพราะโลกในยุคต่อไป กำลังจะก้าวเข้าสู่การแสดงผลแบบ Immersive 3D ส่วนการไถฟีดแบบที่เราคุ้นเคยในยุคโซเชียลมีเดียก็กำลังจะหมดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ อีกทั้งความพร้อมของโลกแห่งเกมในเรื่องการรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล, เงินคริปโต, ตัวอวาตาร์ ฯลฯ ก็ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว
ดีล 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อควบกิจการ Activision Blizzard ในครั้งนี้ของไมโครซอฟท์จึงอาจหมายถึงการขยายอาณาจักรครั้งสำคัญ แถมยังเข้าถึงใจคนรุ่นใหม่ และอาจดึงไปสู่โลกแห่งการทำงานที่มีไมโครซอฟท์อยู่เบื้องหลังด้วยก็เป็นได้
ปัจจุบัน มูลค่ากิจการของไมโครซอฟท์อยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเม็ดเงิน 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะซื้อกิจการ Activision Blizzard ถือว่ามีสัดส่วนเพียง 3% ของมูลค่ากิจการทั้งบริษัท โดยก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เคยซื้อกิจการ LinkedIn ในปี 2016 ด้วยมูลค่ากว่า 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2018 ซื้อ GitHub ด้วยราคา 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงเคยแสดงความสนใจซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐอเมริกามาแล้วด้วย