HomeSponsoredผ่ากลยุทธ์ปั้นแบรนด์รถยนต์มิตซูบิชิ กระแทกใจคนรุ่นใหม่ ด้วยตำนานฮีโร่รถแข่ง RALLIART

ผ่ากลยุทธ์ปั้นแบรนด์รถยนต์มิตซูบิชิ กระแทกใจคนรุ่นใหม่ ด้วยตำนานฮีโร่รถแข่ง RALLIART

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แบรนด์รถยนต์ มิตซูบิชิ ที่ทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 60 ปี จนผูกพันและคุ้นเคยกับคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่ง บึกบึน สมบุกสมบัน ไปไหนไปกัน อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง นอกเหนือจากเรื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขายและบริการหลังการขายแล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังหันมาให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ ให้ไปอยู่ในใจผู้บริโภครุ่นใหม่โดยเฉพาะคนกลุ่มมิลเลนเนียลให้ได้

ด้วยการหยิบเอาตำนานแบรนด์รถแต่งอย่างแรลลี่อาร์ท” (RALLIART) กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง เพื่อใช้ Iconic Brand นี้มาเป็นสะพานเชื่อมโยงภาพลักษณ์รถแข่งในตำนานสมรรถสูง ที่ส่งผ่านมากับของรถยนต์มิตซูบิชิ ให้เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น

ทำไมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงเลือกใช้แรลลี่อาร์ทสร้างแบรนด์ รวมถึงวิธีการสื่อสารนั้นจะน่าสนใจขนาดไหน นี่คือตำตอบ

ต้นกำเนิดตำนานความแรงของแบรนด์รถยนต์มิตซูบิชิ 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 104 ปี ก่อตั้งโดย “คุณยาทาโร่ อิว่าซากิ” โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจขนส่งสินค้า ภายใต้ชื่อบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรี ก่อนจะขยายสู่ธุรกิจรถยนต์ในปี 2460 และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั่วโลกได้เห็นรถยนต์ Model A ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออกมาโลดแล่นบนท้องถนน ต่อมาในปี 2513 แผนกยานยนต์ได้แยกตัวออกมาจากบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรี และก่อตั้งบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เพื่อผลิตรถยนต์เต็มตัว โดยหนึ่งในรถยนต์ที่สร้างความฮือฮาและยังเป็นที่พูดถึงจนถึงทุกวันนี้ คือ รถยนต์ Galant GTO-MI, รถยนต์ Lancer ปี 2516 และรถอเนกประสงค์ ปาเจโร ในปี 2525

สำหรับประเทศไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2504 หรือประมาณ 61 ปีที่แล้ว

ปีที่แล้ว ด้วยการแต่งตั้ง บริษัท สิทธิผล มอเตอร์ จำกัด เป็นตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ สามล้อ รุ่น “ลีโอ” และรถยนต์นั่งรุ่น “โคล์ท” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2546 และปัจจุบันยังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ส่งออกไปจำหน่ายยังทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ โดยมียอดการส่งออกสะสมรวมกว่า 4.4 ล้านคัน (ตั้งแต่ ปี2531 – ปี2564) และปัจจุบันมีการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน

เมื่อเอ่ยถึงความสำเร็จของแบรนด์  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในระดับโลก นอกเหนือจากความไว้วางใจของลูกค้าแล้ว ยังสร้างชื่อผ่านสนามแข่งขันหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศึกดาการ์ แรลลี่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ปารีส-ดาการ์ แรลลี่” (Paris-Dakar Rally) เพราะว่าเส้นทางการแข่งขันส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเส้นทางที่สุดแสนจะทรหด ต้องผ่านทั้งทะเลทราย เนินสูง ขับข้ามน้ำ ข้ามเขากันเลยทีเดียว รวมทั้งยังต้องผ่านหลายประเทศ หลายทวีป ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็นการแข่งขันรถที่โหดที่สุด รวมมากกว่า 10,000 กิโลเมตร และใช้เวลาแข่งขันราว 2 สัปดาห์ อย่างปี 2021 ล่าสุดก็ใช้เวลา 13 วัน การขับขี่ในสนามแห่งนี้ ทำให้ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต้องพัฒนารถยนต์ที่ใช้แข่งขันนี้ โดยคำนึงถึงปัจจัย 3 ประการ

  1. สมรรถนะที่แรง

2. ความทนทาน

3. ขับสบาย

จนกระทั่ง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส  คว้าชัยชนะมาได้ถึง 12 ครั้ง คุณเออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายเพิ่มเติมว่า “เมื่อสนามแข่งขันมีความท้าทายขนาดนี้รถยนต์ของเราจึงต้องมีความทนทาน อึด เพื่อให้ผ่านเส้นทางมาให้ได้ ขณะเดียวกันนี่คือการแข่งขันรถยนต์ ดังนั้น ความเร็วจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และสุดท้ายเมื่อเป็นการแข่งขันที่ยาวนาน นักแข่งก็ต้องขับได้สบาย รถและผู้ขับผสานกันเป็นหนึ่งเพื่อชัยชนะ และจิตวิญญาณการผลิต ประสบการณ์และองค์ความรู้เหล่านี้ นี่เองที่เป็นรากฐานในการผลิตรถยนต์ของเราที่นำเสนอต่อผู้บริโภค และนี่คือจุดที่เราจะสื่อสารต่อไป”

ขณะที่การแข่งขันทางเรียบ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้พัฒนารถเก๋ง Lancer Evolution ลงแข่งใน World Rally Championship (WRC) และสามารถกวาดชัยชนะมานับไม่ถ้วน ซึ่งความสำเร็จจากสนามแข่งเหล่านี้เอง เป็นตัวสะท้อนจุดแข็งของมิตซูบิชิ มอเตอร์สในการเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง ที่มาพร้อมกับความทนทาน และขับสบายนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และส่งผลให้แบรนด์ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคโดยเฉพาะคนที่ชอบความแรงและสายลุยอย่างได้สำเร็จแล้ว

ทำไมต้อง RALLIART

แม้รถยนต์มิตซูบิชิ จะมี Brand Awareness แข็งแรง ในเรื่องสมรรถนะ แต่ด้วยนโยบายของบริษัทแม่ ทำให้ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” ห่างหายจากสนามแข่งไปนาน ความสปอร์ตและจิตวิญญาณแห่งชัยชนะในแบบกับรถแข่งในตำนาน ร้างราไปจากการทำตลาดและความทรงจำของลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น เหลือเพียงลูกค้ากลุ่ม Gen X เท่านั้น

เราไม่ได้สื่อสาร Brand Essence กับคนรุ่นใหม่มานาน ทำให้เราไม่สามารถถ่ายทอดสปิริตหรือจิตวิญญาณการผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้ผู้บริโภครุ่นใหม่เข้าใจ เราจึงต้องกลับมาปรับวิธีการสื่อสารใหม่” คุณเออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บอกความท้าทาย และเป็นเหตุผลให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เลือกหยิบตำนานความเป็นเจ้าแห่งชัยชนะ “แรลลี่อาร์ท” เข้ามาสื่อสาร

RALLIART เป็นดิวิชั่นที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานที่ใช้พัฒนารถยนต์เพื่อการแข่งขัน รวมทั้งรถกลุ่ม high-performance ซับ-แบรนด์ แบรนด์นี้ มีความหมายและผูกพันกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มาอย่างยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้รักความเร็ว ในวันนี้ชุดแต่ง RALLIART ที่ปรากฏให้เห็นตามท้องถนน ยังกลายเป็นตัวสร้างความสนใจแตกต่าง และเพิ่ม Brand Awareness บนท้องถนน ด้วยภาพลักษณ์ของความแรงและความมุ่งมั่นในการแข่งขัน ขณะเดียวกันสำหรับแฟนพันธุ์แท้รถยนต์มิตซูบิชิ ที่รับรู้ตำนานความแข็งแรงของสมรรถนะรถก็สะดุดตามากขึ้น แล้วนำไปสู่ความสนใจ

โดยการทำตลาดในรอบนี้จะเป็นการนำชุดตกแต่งพิเศษมาติดตั้งในรถยนต์ที่อยู่ในไลน์อัพปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงง่ายขึ้น อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและสไตล์การตกแต่งรถยนต์ที่ทันสมัยที่ผู้บริโภคยุคนี้มองหา โดยเบื้องต้นรถยนต์ที่ถูกติดตั้งชุดแต่งแรลลี่อาร์ทมี 2 รุ่น คือ ปาเจโร่ สปอร์ต แรลลี่อาร์ท และไทรทัน แรลลี่อาร์ท

สำหรับกระบะ “ไทรทัน แรลลี่อาร์ท” ครั้งนี้มาพร้อมกัน 2 รุ่นทั้งแบบ Double Cab และ Mega Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ หน้าตาหล่อเหลาดุดันมากยิ่งขึ้น ด้วยชุดตกแต่งแรลลี่อาร์ทที่บริเวณใต้กันชนหน้า แผ่นกันโคลน สติกเกอร์ด้านข้าง และพื้นปูกระบะท้ายที่มีโลโก้แรลลี่อาร์ท ช่วยเพิ่มลุคสปอร์ตและเต็มไปด้วยขุมพลังยิ่งขึ้น

ส่วน “ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท” เป็นการนำรุ่นจีที-พลัส 8 เอที ขับเคลื่อนสองล้อ มาถ่ายทอดความมันส์ ด้วยลวดลายสติกเกอร์ด้านข้างตัวรถสีแดง สีเงิน และสีดำ แผ่นกันโคลนสีแดง รวมถึงชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าและหลัง ที่มาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ท ชุดตกแต่งซุ้มล้อสีดำ ที่ช่วยให้ล้ออัลลอยและยางโดดเด่น อีกทั้งยังเพิ่มความแตกต่างจากรุ่นธรรมดาด้วยไฟหน้ารมดำ ล้ออัลลอยสีดำ ราวหลังคาสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ และสปอยเลอร์สีดำ ที่ติดตั้งมาเฉพาะเพื่อความสปอร์ตและหรูหราให้กับปาเจโร สปอร์ต สำหรับภายในตกแต่งด้วยพรมปูพื้นที่มาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ทด้วยเช่นกัน

ส่วนในแง่ราคาของรถที่ตกแต่งด้วยแรลลี่อาร์ท คุณเออิอิชิ โคอิโตะ ย้ำว่า รถรุ่นนี้ทำราคาให้คนเข้าถึงได้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงสมรรถนะ ความทนทาน และการขับขี่ที่สบาย ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของรถมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มาตั้งแต่ดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยให้คนรุ่นใหม่เชื่อมั่นและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

การกลับมาของแรลลี่อาร์ทในรอบกว่า 11 ปี ครั้งนี้ในประเทศไทย ทำหน้าที่บอกเล่าถึงจิตวิญญาณภายใน เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ และปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ครบรอบ 60 ปีของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย แต่นับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เห็นได้ชัดแล้วว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะกลับมาให้ความสำคัญกับการสตาร์ทให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในเส้นทางของนักขับชาวไทยอีกครั้ง ท่ามกลางความท้าทายของสมรภูมิที่บี้กันเดือดสุดๆ  โดยหวังว่าจะสามารถถ่ายทอดจิตวิญาณการสร้างรถให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงประสบการณ์ความแรง จนเกิดความผูกพันกับแบรนด์และกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ในที่สุด

 


แชร์ :