แม้ว่า เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) จะเปิดเผย ตัวเลขผู้ใช้รายใหม่ที่ได้มาในไตรมาสที่ 4 ว่ามีถึง 8.28 ล้านคน เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.19 ล้านคน และผลประกอบการที่ทำไปได้ถึง 7,710 ล้านเหรียญสหรัฐ (เติบโตขึ้น 16%)
Yo
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือการคาดการณ์ของทีมบริหารที่บอกว่า ช่วงไตรมาส 1 ของปี 2022 สถานการณ์ – การเติบโตอาจทำได้ยากมากขึ้น เมสเสจนี้เองที่ทำให้มูลค่าหุ้นของ Netflix ร่วงอย่างแรงถึง 22% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่สำคัญ มูลค่าหุ้นที่ลดลงครั้งใหญ่นี้ ยังถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 เลยทีเดียว
4 เหตุผลสำคัญ ทำ Netflix หุ้นร่วง
ปัญหาที่เกิดขึ้น ของ Netflix แบ่งเป็น หลายประเด็นที่เป็นสาเหตุให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ ดังนี้
1. ตัวเลขผู้ใช้งานรายใหม่ของเน็กฟลิกซ์ตลอดทั้งปี 2021 เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 18.2 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขใน 6 เดือนแรกของปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดเริ่มระบาด จนผู้คนต้องกักตัว
2. ในการแถลงผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2021 ทางซีอีโอของเน็ตฟลิกซ์อย่าง Reed Hastings ได้คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ จะมีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดการณ์เอาไว้ค่อนข้างมาก (นักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขไว้ที 6.26 ล้านคน)
3. CFO ของเน็ตฟลิกซ์บอกว่า แม้จะไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าอะไรทำให้ตัวเลขผู้ใช้งานไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ยอมรับว่า คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นในตลาดสตรีมมิ่งอาจมีส่วน โดยปัจจุบันผู้ใช้บริการของ Disney+ นั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 179 ล้านคนแล้ว ส่วนของ Netflix พบว่ามีผู้ใช้บริการ 221 ล้านคน
4. เน็ตฟลิกซ์เพิ่งประกาศขึ้นราคาค่าบริการรายเดือนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม จาก 13.99 เหรียญสหรัฐเป็น 15.49 เหรียญสหรัฐ ซึ่งทาง CFO ของเน็ตฟลิกซ์อย่าง Spencer Neumann ยอมรับว่า การขึ้นราคาดังกล่าวอาจมีผลทำให้ตัวเลขผู้ใช้งานรายใหม่ในไตรมาสที่ 1 เติบโตได้ไม่มากนัก ขณะที่สื่อในสหรัฐอเมริกามองว่า การขึ้นราคาอาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยกเลิกบริการมากขึ้นด้วย
สำหรับเส้นทางการเติบโตของตัวเลข Subscribers ของเน็ตฟลิกซ์นั้น ซีอีโออย่าง Reed Hastings เคยโพสต์ฉลองตัวเลขผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านรายไปเมื่อปี 2017 ก่อนจะโพสต์ฉลองทะลุ 200 ล้านรายไปเมื่อเดือนมกราคม 2021 แต่ถ้าหากให้ย้อนไปไกลกว่านั้น เน็ตฟลิกซ์มีผู้ใช้บริการทะลุ 1 ล้านคนแรกเมื่อปี 2003 โดยที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ต่างมองว่า การระบาดของไวรัส Covid-19 นั้นส่งผลดีต่อธุรกิจของเน็ตฟลิกซ์ และทำให้ยอดผู้ใช้งานเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2020 เนื่องจากผู้คนในประเทศต่าง ๆ ต้องกักตัวเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส
แต่สำหรับปี 2022 ดูเหมือนว่า สถานการณ์จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว และนี่คงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายขององค์กรที่ว่ากันว่า รวมหัวกะทิของโลกเอาไว้มากเป็นอันดับต้น ๆ ว่าจะหาทางแก้เกมไม่ให้คู่แข่งอย่าง Disney+ เข้ามาท้าทายพวกเขาได้อย่างไร