ไม่เฉพาะธุรกิจยาสูบที่ให้ความสนใจในกัญชา แต่ตอนนี้ แม้แต่บริษัทผลิตยาก็หันมามองตลาดนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดคือไฟเซอร์ (Pfizer) ที่ประกาศควบกิจการ Arena Pharmaceuticals บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีการวิจัยและพัฒนาการรักษาโรคด้วยสารแคนนาบินอยด์ (ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้สูงในกัญชา) ด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 100 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นมูลค่ารวม 6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับ Arena Pharmaceuticals เป็นบริษัทไบโอเทคที่พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ในหลาย ๆ ด้าน โดยหนึ่งในนั้นก็คือการบำบัดด้วยสารแคนนาบินอยด์ในผู้ป่วยด้วยโรคกระเพาะและลำไส้ (ตัวยาชื่อ Olorinab หรือ APD371 ซึ่งเป็นยาที่อยู่ระหว่างการทดลอง และยังไม่มีหน่วยงานด้านสุขภาพใด ๆ อนุญาตให้ใช้) นอกจากนั้น Arena ก็ยังมีนวัตกรรมในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น การรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง โรคหัวใจ เป็นต้น
การควบกิจการครั้งนี้ ไฟเซอร์ระบุว่าจะเป็นการจ่ายด้วยเงินสดทั้งหมด
ก่อนหน้าที่ไฟเซอร์จะควบกิจการ Arena เพื่อเข้าสู่ธุรกิจกัญชาทางการแพทย์ บริษัทยารายอื่น ๆ ก็เคยมีการควบกิจการที่ใกล้เคียงกันเช่นกัน เช่น กรณีของ Jazz Pharmaceutical บริษัทด้านชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceutical) ที่ซื้อกิจการ GW Pharmaceuticals ผู้พัฒนายา Epidiolex ซึ่งเป็นยา CBD ตัวแรกที่ได้รับอนุญาตจาก FDA สำหรับการรักษาเด็กที่มีอาการ Lennox-Gastaut และ Dravet (กรณีนี้เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021)
หรือกรณีของ Novartis AG บริษัทยาจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Tilray บริษัทสัญชาติแคนาดาเพื่อต่อยอดการพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ในระดับโลก ไปเมื่อปี 2019
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมกัญชาจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอาจมียอดขายทั่วโลกในปี 2025 สูงถึง 3.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2020 มีมูลค่าเพียง 1.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ความท้าทายของอุตสาหกรรมดังกล่าวก็มีอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือการบังคับใช้กฎหมายที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ (แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเอง แต่ละรัฐก็ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาที่แตกต่างกัน) ส่วนความท้าทายอีกข้อคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่บริษัทที่ทำธุรกิจกัญชาอาจไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมได้นั่นเอง