ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกร นับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก SMEs ไทยมีจำนวนกว่า 3 ล้านราย มีการจ้างงานกว่า 12 ล้านคน ทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของ GDP ประเทศ ในขณะที่เกษตรกรถือเป็น “คนต้นน้ำ” หรือผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อส่งต่อให้กับผู้บริโภค แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณในการทำตลาด รวมถึงองค์ความรู้ และเทคโนโลยีในการทำงาน ทำให้ SMEs และเกษตรกรจำนวนมากต้องเจออุปสรรคด้านช่องทางการจัดจำหน่ายและการทำตลาดที่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ยังเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจไปอย่างมาก ยิ่งซ้ำเติมให้ SMEs และเกษตรกรต้องเจอปัญหาหนักขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าจะนำสินค้าไปวางจำหน่ายที่ไหน จึงนับเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะหากพวกเขาสามารถประคับประคองธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ต่อเนื่องเช่นกัน
สำหรับ “โลตัส” (Lotus’s) นอกจากจะเป็นหนึ่งในเชนค้าปลีกชั้นนำของไทย โดยปัจจุบันมี 2,100 สาขาและช่องทางออนไลน์ อีกบทบาทที่โลตัสให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องคือ การวางตัวเป็น “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สำหรับ SMEs และเกษตรกร เพื่อช่วยให้คนตัวเล็กกลุ่มนี้เข้าถึงช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขึ้น และเพิ่มรายได้ สร้างการเติบโตที่มั่นคงให้กับธุรกิจ ซึ่งในปี 2565 โลตัสมีแผนจับมือกับพันธมิตรมากมายเพื่อให้คนตัวเล็กเติบโตไปด้วยกัน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น Brand Buffet จะพาไปทำความรู้จักแพลตฟอร์มแห่งโอกาส รวมถึงวิธีการทำงานกับพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างการเติบโตได้จริง
“แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สร้างโอกาสให้กับคนตัวเล็ก
เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หากเราผลิตสินค้าขึ้นมาหนึ่งโปรดักต์ และสินค้านั้นวางจำหน่ายไกลแค่ไหน หากคุณภาพดี แตกต่างจากท้องตลาด ผู้บริโภคก็พร้อมเดินทางไปซื้อถึงที่ แต่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความทันสมัยมากมาย ทั้งยังมีตัวเลือกสินค้ามากขึ้น ถึงคุณภาพสินค้าจะดีขนาดไหน ถ้าไม่ตะโกน คนก็ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า SMEs และเกษตรที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายไม่มาก ทั้งยังอยู่ไกล ยิ่งเข้าถึงผู้บริโภคได้ยาก
นั่นจึงเป็นที่มาของการสร้าง “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ของโลตัส เพราะเชื่อว่าการให้โอกาสจะเป็นเสมือนประตูบานใหญ่ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรได้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่กว้างขึ้น และกลับมาเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง
คุณสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย บอกว่า บทบาทของแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางในการจำหน่ายสินค้า SME ทั้งในสาขาออฟไลน์ และช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรคอยสนับสนุนเกษตรกร และ SMEs ได้พัฒนาศักยภาพรอบด้าน ตั้งแต่การเจรจาทางธุรกิจ การเตรียมพร้อมด้านการสร้างมาตรฐานการผลิตสินค้า การตลาด การจัดจำหน่าย ไปจนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีรากฐานที่มั่นคง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในแง่การทำงาน โลตัสมีการออกแบบกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับผู้ประกอบการแต่ละราย เพราะผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มต่างมีปัญหาและความต้องการไม่เหมือนกัน รูปแบบกิจกรรมจึงต้องต่างกันออกไป เช่น การจัดอบรมให้ความรู้เบื้องต้นกับผู้ประกอบการระดับเริ่มต้น และให้พื้นที่บนศูนย์การค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในการเปิดบูธขายของ ทดลองตลาด ส่วนผู้ประกอบการระดับกลาง โลตัสจะช่วยเตรียมความพร้อมในการสร้างมาตรฐานการผลิต รวมถึงสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม และการเข้าถึงแหล่งถึงเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้พร้อมวางจำหน่ายสินค้าในโลตัส ขณะที่ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมสูง โลตัสได้ให้พื้นที่ในการวางขายสินค้ากว่า 2,100 สาขา และบนช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ
“ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา โลตัสได้ช่วยเหลือ SME และเกษตรกรไปเกือบ 7,000 ราย ให้สามารถเพิ่มรายได้และโอกาสในการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านโครงการต่างๆ และจากการสนับสนุนคนตัวเล็กกลุ่มนี้ พบว่า ในปีที่ผ่านมาสามารถเปิดพื้นที่และพัฒนาศักยภาพให้กับ SMEs ได้ถึง 724 ราย และเพิ่มสินค้าคุณภาพวางขายในโลตัสกว่า 1,125 รายการ”
ผนึกกระทรวงพาณิชย์ สานต่อแพลตฟอร์มแห่งโอกาส สร้างการเติบโตไปด้วยกัน
จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ปี 2565 โลตัส จึงจับมือกระทรวงพาณิชย์ ต่อยอดแพลตฟอร์มแห่งโอกาสเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนไปพร้อมกัน ด้วยการจัดโครงการ “รวมพลังลดใหญ่ สนับสนุน SME ไทยให้เติบโตไปด้วยกัน” สนับสนุนคู่ค้ากว่า 1,600 ราย ให้สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการนำสินค้ากว่า 17,000 รายการ อาทิ อโวคาโดไทย, พีเอฟพีเต้าหู้ชีส, กางเกงขาสั้นหลากสี, เครื่องอบผ้าแห้ง ALTEC, เครื่องทำป๊อปคอร์น ALECTRIC, ชีววิถีแชมพูสมุนไพรน้ำมันมะพร้าว, ถุงขยะกลิ่นกุหลาบ, และ มิสเตอร์โปเตโต้แครกเกอรซาวครีมหัวหอมมาจัดโปรโมชั่นที่น่าสนใจ การจัดวางสินค้าในพื้นที่พิเศษเพื่อเพิ่มความโดดเด่นในแต่ละสาขาและช่องทางออนไลน์ รวมถึงการสื่อสารให้ลูกค้าและประชาชนรับทราบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของลูกค้าทั่วประเทศ
สำหรับความร่วมมือกับโลตัสในครั้งนี้ คุณบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาสินค้า ระบบ และกลไกการตลาด เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย เพื่อสร้างงาน กระจายรายได้ และเป็นฐานการผลิต จึงเป็นที่มาในการพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้มีศักยภาพรอบด้าน การร่วมจัดโครงการรวมพลังลดใหญ่ สนับสนุน SME ไทยให้เติบโตไปด้วยกันกับโลตัสในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME มีช่องทางการสื่อสารและจำหน่ายสินค้าสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ผ่านทางช่องทางของโลตัสที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถให้กับ SME ให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
3 ตัวอย่างความสำเร็จ SMEs และเกษตรกรไทย สร้างสินค้าคุณภาพ ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนี้อย่าง คุณณิชชา มหาอัฑฒ์สกุล ผู้บริหาร หจก. สกลทรัพย์เพิ่มพูน บอกว่า “เราได้รับการสนับสนุนที่ดีจากโลตัสมาโดยตลอด โลตัส คอยช่วยผลักดันเราให้พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสนับสนุนให้เราเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพและมาตรฐานของเรา จนได้มีการรับรองมาตรฐานด้วยเครื่องหมาย Thailand Textile Tag แสดงถึงสินค้าที่ได้คุณภาพ มาตรฐานที่ดี ปลอดภัยกับร่างกายและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น การทำงานร่วมกับโลตัสยังช่วยให้เราสามารถสร้างอาชีพและรายได้ ให้กับพี่น้องชาวบ้านจังหวัดสกลนครเป็นจำนวนมาก โดยผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บ เราได้นำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น พรมเช็ดเท้า ไม้ถูพื้น และเปลญวณ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถนำไปขายในท้องตลาดได้เช่นกัน โดยสินค้าที่เรานำมาร่วมโครงการมีหลากหลายมากมายกว่า 150 รายการ เช่น เสื้อฮาวาย กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุด และเสื้อพิมพ์ลาย เป็นต้น”
ถุงขยะหลากสีที่วางขายในโลตัส เป็นอีกสินค้าที่เข้าร่วมโครงการจนปัจจุบันสามารถขยายตลาดไปไกลในต่างประเทศ โดยจุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมโครงการ คุณศรี ปานสูง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.ดี.เจ.อินเตอร์ จำกัด เล่าว่า ได้ทำงานร่วมกับโลตัสมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2550 โดยเริ่มจากการผลิตถุงขยะสีดำให้กับทางโลตัส ในปี 2559 บริษัทและโลตัสได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยร่วมกันพัฒนาและผลิตถุงขยะที่มีสีและกลิ่นภายใต้แบรนด์โลตัส ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า อีกทั้งโลตัสยังช่วยขยายขีดความสามารถของบริษัท ทำให้มีสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอยู่เสมอ พร้อมยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่การส่งออกไปยัง โลตัส มาเลเซีย ในปี 2561 ช่วยให้เราสามารถเปิดโรงงานแห่งที่สองขึ้นได้ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ”
คุณธนากร ลิ้มธานินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวิทซเฟลคซ จำกัด เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า เล่าว่า เริ่มเป็นคู่ค้ากับโลตัสในปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเริ่มต้นมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าวางจำหน่ายที่โลตัส 6 รายการ ตลอดช่วงระยะเวลาที่มีสถานการณ์โควิด-19 โลตัส ให้การสนับสนุนเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มจำนวนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากยิ่งขึ้น และด้วยช่องทางการจำหน่ายของโลตัสที่กว้างขวาง ทั้งสาขาและบนช่องทางออนไลน์ ทำให้การเติบโตและจำนวนสินค้าของเราที่วางขายในโลตัส มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนในปัจจุบันมีสินค้า กว่า 40 รายการ และสินค้าส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โลตัสเท่านั้น โดยในแคมเปญนี้ เรามีสินค้าคุณภาพดีไซน์สวย มากมายนำเสนอให้กับลูกค้า อาทิ เครื่องอบแห้ง เตารีดไอน้ำไร้สาย และเครื่องดูดฝุ่น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 3 ตัวอย่างของผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรตัวอย่างที่สามารถนำแพลตฟอร์มแห่งโอกาสมาต่อยอดพัฒนาสินค้าให้มาตรฐานเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในอนาคต โลตัส มีแผนที่ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยผู้บริโภคที่สนใจสนับสนุนสินค้าคนตัวเล็กสามารถพบกับโครงการรวมพลังลดใหญ่ สนับสนุน SME ไทย ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 2 มีนาคม 2565 บนช่องทางออนไลน์ และที่โลตัสทุกสาขา