หากเอ่ยถึงแนวโน้มในโลกธุรกิจ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค “รักษ์โลก” เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงมาก และทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ โดยภาคธุรกิจ มีกระบวนการผลิตสินค้าและบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางน้ำ อากาศ ดิน ลดการใช้พลังงาน นำทรัพยากร วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำมากขึ้น เป็นต้น
ฝั่งผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องจากเดิมเคยเลือกซื้อสินค้าและบริการโดยพิจารณาปัจจัยด้านคุณภาพ ราคา ความคุ้มค่า ความคุ้นเคย ฯ ขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มการเลือกซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไป มีการนำปัจจัย “สินค้ารักษ์โลก” มาเป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณาด้วย
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยการตลาดยืนยันว่า “ผู้บริโภครักษ์โลก” มีมากขึ้น ซึ่ง Kantar ร่วมกับ GfK และ Europanel ศึกษาผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่าง 80,000 คน ใน 19 ประเทศ จากทวีปยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย พบผู้บริโภครักษ์โลกมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 20% ซึ่งผู้บริโภคเหล่านี้ตระหนักถึงการช่วยสิ่งแวดล้อมของโลกมากขึ้นเป็นประจำ รวมถึงใส่ใจเป็นครั้งคราว ขณะที่ประเด็นที่ให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ได้แก่ ปัญหาสภาวะโลกร้อน ขยะ ภาวะขาดแคลนน้ำ และมลพิษทางอากาศ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคทั่วไปเริ่มมองหาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยยินดีจ่ายเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวในราคาที่แพงกว่าสินค้าปกติได้ไม่เกิน 20%
เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยน แบรนด์สินค้าและบริการจึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึง “ผู้ผลิต” สินค้าต่างๆถือเป็นหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับ “โลก” โดยเฉพาะการมีเครื่องหมายหรือตราสัญลักษณ์เพื่อ “การันตี” กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ
SCG Green Choice คืออะไร ?
เอสซีจี กรีนชอยส์ (SCG Green Choice) ฉลากสิ่งแวดล้อมที่และรับรองโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง (Self-Declared) ตามมาตรฐาน ISO 14021
แล้ว เอสซีจี กรีนชอยส์ คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมจะต้องเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากหรือสัญลักษณ์ดังกล่าว BrandBuffet ชวนหาคำตอบในหลายมิติ
ย้อนไปปี 2552 องค์กรร้อยปีอย่าง เอสซีจี ได้กำหนดฉลากสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมประเภทการรับรองตนเอง (Self-Declared) ขึ้นมาภายใต้ชื่อ SCG eco value ตอบสนองการดำเนินธุรกิจควบคู่การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม ทว่า ปี 2563 ได้พัฒนาไปสู่ SCG Green Choice เพื่อสร้างการรับรู้และสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจง่าย แต่ยังคงการันตีซื้อสินค้าและบริการต่างๆที่มีฉลากดังกล่าวดีต่อผู้ใช้และมิตรต่อโลกเช่นเดิม
ขณะที่สินค้าที่ได้รับฉลาก เอสซีจี กรีนชอยส์ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.สินค้าที่ประหยัดพลังงาน นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน 2.สินค้าที่ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน การยืดอายุการใช้งานของสินค้าให้นานขึ้น สินค้ามีส่วนประกอบของวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ และ 3.สินค้าที่ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีต่อผู้บริโภค
แล้วทำไมผู้บริโภคต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลาก เอสซีจี กรีนชอยส์ คำตอบง่ายมาก เพราะบริษัทที่มีกระบวนการผลิตสินค้าและบริการที่ได้รับเครื่องหมายดังกล่าว ล้วนตระหนักถึง 3 ปัจจัยสำคัญ ทั้งการประหยัดพลังงาน ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัด จึงการันตีว่าเมื่อผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีฉลากดังกล่าวย่อมมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และรักษ์โลกได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ลดคนไม่ได้ ลดการใช้ได้
เพื่อให้เห็นว่าเราทุกคนสามารถช่วยโลกจริงๆ และตระหนักถึงการลดใช้ทรัพยากรในระดับวงกว้าง เอสซีจีจึงสื่อสารผ่านงานโฆษณาชื่อว่า “คิดก่อนซื้อ” ที่นำเอาอินไซต์พฤติกรรรมจริงของมวลมนุษย์ในแต่ละวันที่มีการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งต้องใช้บรรจุภัณฑ์ในการส่งสินค้าปริมาณมหาศาล การรับประทานอาหาร การใช้เครื่องปรับอากาศจำนวนมากเพื่อดับร้อน แปรงฟันที่มีการใช้น้ำปริมาณมาก สะท้อนการใช้ “ทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างสิ้นเปลือง อีกทั้งก่อให้เกิด “ขยะ” ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมามากมาย
โฆษณาชุดนี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ปัจจุบันบนโลกนี้ และต้องการรณรงค์ให้ผู้บริโภคทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในเมื่อจำนวนมนุษย์บนโลกมีมากมายและควบคุมไม่ได้ แต่อย่างไรเราสามารถลดการใช้ทรัพยากรได้ด้วยตัวเอง เพียงคิดก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการนั่นเอง
แล้วปัจจุบันมีสินค้าอะไรบ้างที่มีฉลาก SCG Green Choice?
สำหรับตัวอย่างสินค้า ได้แก่ กระดาษถ่ายเอกสาร Idea Green นวัตกรรมกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เยื่อจากป่าปลูกและ EcoFiber ผ่านมาตรฐานการผลิต SCG Packaging Green Process ช่วยลดการใช้ไม้ใหม่ลงกว่า 50%
บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย เฟสท์ ช้อยส์ ผลิตจากกระดาษสำหรับสัมผัสอาหาร เคลือบด้วยพลาสติก PE เพิ่มความแข็งแรง สามารถใส่อาหารร้อนที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมันได้โดยตรงอย่างปลอดภัย และไม่รั่วซึม เหมาะสำหรับอาหารหลากหลายประเภท
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ท่อและข้อต่อพีวีซี เอสซีจี รุ่น กรีน พรีเมียม สำหรับระบบประปาและระบายน้ำ ผลิตภัณฑ์ท่อและข้อต่อพีวีซี ไร้สารตะกั่ว เป็นมิตรต่อสุขอนามัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม กระเบื้องเซรามิก คอตโต้ รุ่น Hygienic Tile สามารถยับยั้งแบคทีเรียบนพื้นผิวกระเบื้องได้มากถึง 90%
ก๊อกสำหรับอ่างล้างหน้า ล้างมือ COTTO ประหยัดน้ำได้มากกว่า 20% เมื่อเทียบกับก๊อกอ่างล้างหน้าทั่วไป ช่วยลดการใช้ทรัพยากรน้ำได้มากขึ้น และมีส่วนผสมวัสดุรีไซเคิล อย่างน้อย 45% ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต อย่างน้อย 2.5 กิโลกรัมต่อปูนซีเมนต์ 1 ถุง ฝ้า สมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่นระบายอากาศ-โพรเทคชั่น ลดการปลดปล่อย Greenhouse Gas จากกระบวนการผลิตได้ อย่างน้อย 5% เป็นต้น โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หาซื้อได้ผ่านร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วไป