หลังจากไมโครซอฟท์ (Microsoft) หนึ่งในเจ้าพ่อวงการเกมประกาศซื้อกิจการ Activision Blizzard เจ้าของเกมดังอย่าง Call of Duty ทางโซนี่กรุ๊ป (Sony Group) คู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมานานก็ออกมาประกาศซื้อบริษัท Bungie ผู้พัฒนาเกม Destiny บ้าง ด้วยมูลค่า 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 119,736 ล้านบาท งานนี้จึงอาจเป็นศึก 2 เจ้าพ่อวงการเกมที่น่าจับตากันยาว ๆ อีกครั้ง
ผลจากการประกาศควบกิจการทำให้หุ้นของโซนี่ในตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้นทันที 2.6% โดยมีการวิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งมาจากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเกมของ Bungie ที่ทำให้โซนี่สามารถขยายตลาดเข้าถึงผู้เล่นเกมกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้น นั่นเอง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการซื้อกิจการของโซนี่กับไมโครซอฟท์นั้น อาจเป็นเรื่องแนวคิดหลังซื้อกิจการที่ไมโครซอฟท์มองว่าจะนำเกมต่าง ๆ มาให้บริการแบบ subscription ผ่าน Xbox Game Pass ในขณะที่โซนี่เลือกใช้กลยุทธ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ นั่นคือ เกมที่ซื้อเข้ามาต้องเล่นได้เฉพาะเครื่อง PlayStation เท่านั้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้บริษัทสามารถขายเครื่องเล่น PlayStation 4 ได้มากกว่า 116 ล้านเครื่องมาแล้ว (และแซงหน้า Xbox ด้วย)
ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อปี 2000 พบว่า ไมโครซอฟท์เคยเข้าซื้อกิจการ Bungie มาแล้วครั้งหนึ่ง และใช้เกม Halo ที่ทาง Bungie พัฒนา ในการบุกตลาดเกมคอนโซล จนทำให้ชื่อของ Xbox เติบโตและกลายเป็นแพลตฟอร์มเกมหลักได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี ในปี 2007 ทางทีมนักพัฒนาของ Bungie ได้แยกตัวออกมาจากไมโครซอฟท์ และในอีก 3 ปีให้หลัง ก็มีรายงานว่าพวกเขาหยุดสร้างเกม Halo ไปในที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อการซื้อกิจการเสร็จสิ้น ทาง Bungie จะกลายเป็นบริษัทลูกภายใต้ Sony Interactive Entertainment และบริหารงานโดยซีอีโอคนปัจจุบัน Pete Parsons