สำหรับแฟน ๆ ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer หรือ Kimetsu no Yaiba) อนิเมะยอดนิยมแห่งปี เชื่อว่าค่ำคืนนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2022) คือการรวมตัวกันบนหน้าจอ และโซเชียลมีเดียครั้งสำคัญ กับฉากจบภาคสถานเริงรมย์ (Entertainment District) ที่ทำให้อนิเมะเรื่องดังกล่าวปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ และหนึ่งในความประทับใจของซีซั่นสุดอลังการนี้ หนีไม่พ้นการปรากฏชื่อของสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Ufotable ที่หลาย ๆ คนอยากจะขอบคุณสำหรับงานภาพที่คมกริบชนิดไม่สามารถละสายตาไปจากหน้าจอได้นั่นเอง
Ufotable คือใคร
Ufotable เริ่มก่อตั้งบริษัทในเดือนตุลาคม 2000 ภายใต้การนำของ ฮิคารุ คอนโด (Hikaru Kondo) โดยที่ผ่านมา บริษัทมีผลงานทั้งการผลิตอนิเมะสำหรับทีวี, ภาพยนตร์, OVA และวิดีโอเกม ส่วนผลงานสร้างชื่อที่ทำให้สตูดิโอโด่งดังสุด ๆ นั้น อาจกล่าวได้ว่า ก็คือดาบพิฆาตอสูรนั่นเอง โดยชื่อของสตูดิโอ “Ufotable” เริ่มเป็นที่จับตาของหลายคนตั้งแต่ดาบพิฆาตอสูรภาครถไฟนิรันดร์ (Mugen Train) เข้าฉายในโรงภาพยนต์เมื่อเดือนตุลาคม 2020 และนำไปสู่การกวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำทั่วโลก
ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ Ufotable อยู่ในกรุงโตเกียว มีพนักงานกว่า 200 คน และที่ชั้นล่างของบริษัทก็มีการเปิดคาเฟ่ที่ภายในนำคาแรคเตอร์ของอนิเมะเรื่องต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นผู้สร้างมาสร้างสีสันด้วย และคาเฟ่ดังกล่าวนี้เอง ก็ทำให้ชื่อของ Ufotable ที่ควรจะอลังการตามความดังของดาบพิฆาตอสูร ต้องกลายเป็นสีเทาในเวลาต่อมาด้วยเช่นกัน
Ufotable ทำรายได้เท่าไร
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น สิ่งที่น่าสนใจก็คือรายได้ของ Ufotable โดยภาพยนตร์ภาครถไฟนิรันดร์ มีการเปิดเผยว่า Ufotable สามารถทำรายได้จากภาพยนตร์ดังกล่าวไปถึง 504 ล้านเหรียญสหรัฐ (รายได้ทั่วโลก) หรือ 30 เท่าเมื่อเทียบกับงบประมาณในการสร้างที่ 15.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 516 ล้านบาท)
“Sony – Lawson” รับทรัพย์
นอกจากผลงานการสร้างดาบพิฆาตอสูรจะสร้างชื่อและรายได้ให้ Ufotable เป็นกอบเป็นกำแล้ว ยังส่งผลบวกต่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Sony ด้วย (เพราะ Aniplex ในฐานะผู้อำนวยการสร้างและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ดาบพิฆาตอสูรเป็นบริษัทในเครือของ Sony Music Entertainment Japan นั่นเอง) โดยข้อมูลจาก Nikkei Asian Review ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวสามารถทำรายได้ 1.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.5 แสนล้านบาท ภายใน 10 วันนับจากภาพยนตร์ภาครถไฟนิรันดร์เข้าฉายในญี่ปุ่น และสามารถเอาชนะภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away จากค่าย Ghibli ไปได้อย่างขาดลอย (Spirited Away เคยทำสถิติไว้ที่ 25 วัน)
จากข้อมูลของ Nikkei ที่มีการเปิดเผยในปี 2020 ระบุด้วยว่า แฟรนไชส์ดาบพิฆาตอสูรสามารถสร้างรายได้จากการขายได้ถึง 1 ล้านล้านเยน (8,750 ล้านเหรียญสหรัฐ) และขึ้นแท่นอนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล โดยปัจจุบัน ดาบพิฆาตอสูรมีการฉายผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เช่น Netflix, Bilibili, Viu, iQIYI, Amazon Prime
ขอบคุณภาพจาก Lawson
ความฮอตของดาบพิฆาตอสูรภาครถไฟนิรันดร์ยังทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นเปิดตัวสินค้าออกมามากมาย และหนึ่งในผู้ได้รับอานิสงส์ก็คือร้านสะดวกซื้อลอว์สัน (Lawson) ที่เปิดเผยว่า บริษัทสามารถขายสินค้าที่อิงจากคาแรคเตอร์หลักของเรื่อง เช่น คามาโดะ ทันจิโร่, โทมิโอกะ กิยู, เรนโงคุ เคียวจูโร่, อุซุย เท็นเง็น ฯลฯ ได้มากถึง 10 ล้านชิ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม ข้าวปั้น, ขนม, แซนด์วิช, เค้กคริสต์มาส
รถไฟนิรันดร์ที่ Kyushu Railway นำออกมาวิ่ง (ขอบคุณภาพจาก Kyushu Railway)
ขณะที่ผู้ให้บริการรถไฟอย่าง Kyushu Railway ก็นำรถจักรไอน้ำอายุกว่าร้อยปี (ยุคเดียวกับรถไฟนิรันดร์) ที่มาพร้อมตัวอักษรหน้าหัวรถจักรเหมือนในอนิเมะออกมาวิ่งกันเป็นที่เอิกเกริก (วิ่งจากสถานีคุมาโมโตะมายังสถานีฮากาตะ) และกลายเป็นอีเวนท์ที่สามารถรวมแฟนอนิเมะเรื่องดังกล่าวเอาไว้ได้เต็มชานชาลา โดยหลาย ๆ คนแต่งตัวเลียนแบบคาแรคเตอร์ในดาบพิฆาตอสูรมาร่วมในอีเวนท์นี้ด้วย
ความฮอตของอนิเมะเรื่องดังกล่าวยังทำให้ Kyushu Railway ขายตั๋วรถไฟขบวนพิเศษนี้หมดอย่างรวดเร็วด้วย (รถไฟขบวนดังกล่าวออกวิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 2 – 23 พฤศจิกายน 2020)
“ผู้ก่อตั้ง Ufotable” กับดราม่าภาษี
ฮิคารุ คอนโด (Hikaru Kondo) ผู้ก่อตั้ง Ufotable ขอบคุณภาพจาก animemojo.com
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดกับ Ufotable ในปี 2021 ที่ผ่านมาก็ทำให้หลาย ๆ คนปรับความรู้สึกกันแทบไม่ทัน เมื่อมีการตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ก่อตั้ง Ufotable อย่าง “ฮิคารุ คอนโด” จงใจเลี่ยงภาษีมูลค่าราว 138 ล้านเยน โดยในเวลาต่อมา ฮิคารุ คอนโดได้ยอมรับว่าเขาทำผิดจริง และรายได้ที่ยักยอกไว้นั้น มาจากธุรกิจคาเฟ่ของบริษัทนั่นเอง (เป็นรายได้ในช่วงปี 2015 – 2018) โดยศาลตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 20 เดือน แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากเขาได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับแก้ไข และชำระภาษีส่วนที่ค้างเรียบร้อยแล้ว ส่วนบริษัทนั้นถูกปรับเป็นเงิน 30 ล้านเยน หรือประมาณ 8.5 ล้านบาท
แต่นอกจากคำขอโทษแล้ว ฮิคารุ คอนโดยังกล่าวด้วยว่า หวังว่าสิ่งที่เขาทำนั้นจะไม่กระทบกับ Ufotable บริษัทที่เขาสร้างขึ้นมาด้วย ซึ่งนั่นอาจทำให้เห็นสัจธรรมที่ว่า อสูรที่ทำลายได้ยากที่สุด อาจไม่ใช่อสูรในอนิเมะ หากแต่เป็นอสูรในใจมนุษย์เราก็เป็นได้