แบงก์ชาติ ปรับแนวทางดูแลกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน ส่งเสริมบริการผ่านเทคโนโลยี ยกระดับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียม “ยกเลิก” ข้อจำกัดการลงทุนในธุรกิจ FinTech ที่เดิมกำหนดเพดานให้ลงทุน 3% ของเงินกองทุน พร้อมออกเกณฑ์ “ห้าม” ลงทุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เกิน 3% ของเงินกองทุน
ปัจจุบันเทคโนโลยีในภาคการเงินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วผลักดันให้ ธนาคารพาณิชย์ เริ่มปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (กลุ่มธนาคารพาณิชย์) และให้ความสนใจกับการเพิ่มบทบาทในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (digital assets: DA) มากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการยกระดับการให้บริการทางการเงิน แต่ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ๆ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้ปรับปรุงเกณฑ์ให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการประกอบธุรกิจ และยกระดับการกำกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป โดยพิจารณาทั้งประโยชน์ต่อประชาชนและความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวม
สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกเพดานการลงทุนในธุรกิจ FinTech จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 3% ของเงินกองทุน เพื่อให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ได้มากขึ้น เนื่องจากเห็นประโยชน์ที่ชัดเจน อีกทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีประสบการณ์การลงทุนในธุรกิจ FinTech มากขึ้น และหน่วยงานกำกับดูแลมีแนวทางดูแลความเสี่ยงในระดับหนึ่งแล้ว
2. ให้บริษัทในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สามารถลงทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Digital Assets ภายใต้เพดานที่ 3% ของเงินกองทุน เพื่อให้การขยายตัวเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยจำกัดความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่อาจกระทบความเชื่อมั่นต่อธนาคารพาณิชย์และให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ พิจารณาการลงทุนหรือจัดสรรทรัพยากรอย่างรอบคอบ
โดยเมื่อมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เป็นสากลหรือมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนเพียงพอ ก็สามารถปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานการลงทุนที่กำหนดได้เป็นการทั่วไป เช่นเดียวกับเพดานการลงทุนในธุรกิจ FinTech
3. หากธนาคารพาณิชย์ สามารถยกระดับมาตรฐานของกิจการ Digital Assets ใดให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ เช่น เรื่องธรรมาภิบาล การดูแลความเสี่ยงระบบงาน และการคุ้มครองผู้ใช้บริการ อนุญาตให้ไม่นับเงินลงทุนของกิจการนั้นในเพดานการลงทุน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ Digital Assets ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อันจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานธุรกิจ Digital Assets ของประเทศ
4. ให้ธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงหรือยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล สามารถดำเนินงานในกรอบ Sandbox ได้ในวงจำกัดก่อน เพื่อพิจารณาถึงประโยชน์ของประเทศ การดูแลความเสี่ยง และผลกระทบต่อระบบในภาพรวม ก่อนการให้บริการในวงกว้างต่อไป
5. ให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จำกัดความเสี่ยงจากความเชื่อมโยงที่อาจเกิดต่อธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้การดำเนินงานในธุรกิจใหม่ ๆ ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ไม่กระทบต่อผู้ฝากเงินและระบบการเงิน โดยยังไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ ประกอบธุรกิจ Digital Assets ได้โดยตรง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีโครงสร้างกรรมการที่ไม่มีการขัดกันของผลประโยชน์ มีเงินกองทุนเพียงพอรองรับความเสี่ยงใหม่ ๆ และธนาคารพาณิชย์ มีระบบงานต่าง ๆ แยกออกจากธุรกิจที่มีความเสี่ยง
นอกจากนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นกลุ่มธุรกิจที่ถูกกำกับดูแลอย่างเข้มข้น ได้รับความไว้วางใจจากสาธารณชน และสามารถขยายตลาดสำหรับบริการใหม่ ๆ ได้เร็วจากฐานลูกค้าที่กว้างและหลากหลาย ซึ่งรวมถึงประชาชนกลุ่มเปราะบางด้วยนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้ใช้บริการ การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Digital Assets ที่มีความเสี่ยงสูงจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง พิจารณาถึงความรู้ทางการลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้าด้วย
แบงก์ชาติจะออกร่างหลักเกณฑ์เพื่อรับฟังความเห็นบน BOT website ก่อนที่จะออกประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายในครึ่งแรกของปี 2565
คุณรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่าการปรับเกณฑ์ดังกล่าว จะเอื้อให้ธุรกิจในภาคการเงินสามารถปรับตัวได้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ระบบการเงินได้รับประโยชน์จากการแข่งขัน เกิดการพัฒนาบริการให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชน และทำให้ธุรกิจ Digital Assets ในประเทศมีมาตรฐานการบริการที่เป็นที่ยอมรับ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่ดี ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม