ปีก่อน “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” (MAJOR) ได้ขายหุ้นทั้งหมดสัดส่วน 30% ใน “สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์” (SF) ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้ารายใหญ่ในประเทศไทยรวม 19 แห่ง เช่น เมกา บางนา, เอสพลานาด รับเงินไป 7,765 ล้านบาท โดยได้กำไรจากการขายหุ้น SF 3,163 ล้านบาท
หลังจากทิ้งธุรกิจ “สยามฟิวเจอร์” ที่ถือเป็นอีกแหล่งรายได้ไปแล้ว ปี 2565 เมเจอร์ฯ ได้ลงทุนธุรกิจใหม่เพื่อชดเชยส่วนแบ่งรายได้ที่หายไป โดยเข้าซื้อหุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ของ “ต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” สัดส่วน 5% จำนวน 69 ล้านหุ้น มูลค่าราว 570 ล้านบาท โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ในเถ้าแก่น้อย
เมเจอร์ฯ แจ้งว่าการเข้าไปถือหุ้น “เถ้าแก่น้อย” จำนวน 69 ล้านหุ้น เป็นการทยอยซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามราคาในตลาด อยู่ระหว่างช่วงราคา 7.06 ถึง 8.26 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาซื้อในตลาดเฉลี่ย 7.82 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 5% เมเจอร์ฯ คาดว่าจะถือหุ้นใน TKN ไม่เกิน 10% ไม่ได้เข้าไปบริหารจัดการหรือกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจ
การถือหุ้น TKN ดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจและขยายความสามารถทางการแข่งขันของเมเจอร์ฯ โดยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายป๊อปคอร์นสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาสินค้าที่หลากหลาย และเพิ่มช่องทางรายได้สื่อในการประชาสัมพันธ์ทางด้านการตลาดให้กับ TKN ในอนาคต
ธุรกิจเมเจอร์ฯ หลังเจอโควิด-19 มากว่า 2 ปี ส่งผลให้ปี 2563 “ขาดทุน” 527 ล้านบาท เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องตัดสินใจขายธุรกิจ “สยามฟิวเจอร์” เพื่อสร้างสภาพคล่อง และทำให้ปี 2564 พลิกกลับมากำไรได้ 1,581 ล้านบาท
ตามแผนธุรกิจเมเจอร์ฯ ตั้งแต่ปี 2564 ได้เริ่มขยายธุรกิจใหม่สู่ Trading ต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ “ป๊อปคอร์น” ที่เคยทำยอดขายในปี 2562 ก่อนโควิดกว่า 2,000 ล้านบาท จึงเริ่มขยายธุรกิจป๊อปคอร์น “นอกโรงภาพยนตร์” ผ่านช่องทาง Modern Trade, งานอีเวนท์, แอปพลิเคชัน Food Delivery
ปีนี้เตรียมนำ “ป๊อปคอร์น” เข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น เฟสแรก 12,000 สาขาทั่วประเทศ (จากจำนวนร้านเซเว่นฯ ทั้งหมด 13,000 สาขาทั่วประเทศ) ภายในเดือนเมษายนนี้ เป็นการขยายธุรกิจเทรดดิ้งเต็มรูปแบบผ่านเครือข่ายช่องทางจำหน่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
การเข้าไปลงทุนใน “เถ้าแก่น้อย” ซึ่งมีโรงงานผลิตสแน็กสาหร่ายที่ลาดหลุมแก้ว(นพวงศ์) และมีเครือข่ายช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นพันธมิตรที่มีโอกาสพัฒนาสินค้าในธุรกิจเทรดดิ้งร่วมกันในอนาคต เพื่อสร้างอีกแหล่งรายได้ใหม่ให้เมเจอร์ฯ
อ่านเพิ่มเติม
- เปิดแผน “เมเจอร์ฯ 2021” สร้างรายได้หลายทาง เป็น Content Provider – ขายป๊อปคอร์นในซูเปอร์มาร์เก็ต
- สรุป 10 เรื่องข้อดี-ข้อเสียและทิศทาง ‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ หลังขายหุ้นสยามฟิวเจอร์ฯ