“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เปิดแผน “Origin Multiverse” กับ 3 ขั้นตอน Expanding-Growing-Connecting ขยายอาณาจักรจากธุรกิจอสังหาฯ สู่ 4 กลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้งโลจิสติกส์-เฮลท์แคร์-ประกันภัย-พลังงาน-การเงิน-ร้านอาหาร-กัญชง ส่งบริษัทในเครือ IPO นำร่องด้วย พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น-วัน ออริจิ้น-แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น ปั้น Market Cap “แสนล้าน” ในปี 2568
คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าหลังจากก่อตั้งบริษัทมากว่า 12 ปี บริษัทปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับทุกสถานการณ์ ตลอดจนเมกะเทรนด์ระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
จากวันแรกที่มีเพียงธุรกิจคอนโดมิเนียม ปัจจุบันที่มีอาณาจักรธุรกิจใหม่ๆ แตกแขนงออกมาจำนวนมาก ในปี 2565 วางแผนการดำเนินงานใหม่ ภายใต้แนวคิด “ORIGIN MULTIVERSE” หรือแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก
1.ขยายธุรกิจใหม่ จากเดิมออริจิ้นมีธุรกิจหลักโครงการที่อยู่อาศัย ได้ขยายธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential for Sales) 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) 4.เมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) โดยทั้ง 4 กลุ่มทยอยเปิดตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เช่น โลจิสติกส์ เฮลท์แคร์ ประกันภัย พลังงาน การเงิน ร้านอาหาร กัญชง และยังมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
2.แยกกันเติบโต โดยให้ทุกบริษัทย่อยมีเส้นทางการเติบโตของตัวเอง ผ่านการจัดทัพผู้บริหารมืออาชีพในธุรกิจนั้น ๆ เข้าไปช่วยดูแลทิศทางการเติบโต สร้างจุดแข็งให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยจะมีบริษัทย่อยที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) เพิ่มเติม
นำโดย บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น โรงแรม ออฟฟิศ ค้าปลีก บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด บริษัทร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) เข้า IPO ไปแล้วในช่วงปลายปี 2564 คาดว่าภายในปี 2568 ออริจิ้นและทุกบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะมีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) รวมกันมากกว่า 1 แสนล้านบาท
3. เชื่อมโยงอีโคซิสเท็ม โดยทุกบริษัทในเครือ จะกลับมาดูแลผู้บริโภคร่วมกันเป็นอีโคซิสเท็มเดียวกัน เพื่อสร้าง Multiverse of Happiness ครอบคลุมการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
“เมื่อก่อนทุกคนรู้จักออริจิ้น เฉพาะธุรกิจอสังหาฯ แต่วันนี้มีหลากหลายธุรกิจ ที่จะช่วยกันพาแบรนด์ใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ สร้างการเติบโตและกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในธุรกิจเหล่านั้น และเชื่อมโยงรวมพลังกันกลับมาเป็นอีโคซิสเท็มที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทุกเจเนอเรชั่น และทุกจังหวะการใช้ชีวิต”
อสังหาฯ ปี 65 All Time High
สำหรับธุรกิจหลักอสังหาฯ ในปี 2565 ออริจิ้น ตั้งเป้าทุกด้านแบบ All Time High เริ่มต้นจากเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 137% จากปีก่อน แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่ารวม 28,600 ล้านบาท
โดยฝั่งคอนโดมิเนียมจะเติบโตในทุกเซกเมนท์ มีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) และบุกทำเลใหม่ๆ เช่น ฝั่งธนบุรี ทั้งนี้ จะมีโครงการใหม่ที่เป็นเมกะโปรเจกต์ย่านทองหล่อ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” (Origin Thonglor World) ที่มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 15,000 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวโครงการอีกครั้งเร็วๆ นี้
ปี 2565 ออริจิ้นตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท และรายได้รวม 17,500 ล้านบาท หลังจากปี 2564 ทำผลงานทุกด้านเติบโตสร้าง New High ยอดโอนรวมโครงการกิจการร่วมค้ากว่า 16,157 ล้านบาท มีรายได้รวม 15,943 ล้านบาท และเติบโต 43% มีกำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน เตรียมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปี 2564 ในอัตรา 0.42 บาท ต่อหุ้น
ด้านคุณจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่าปีที่ผ่านมาบริษัทสร้างรายได้ 490 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 มีเป้ารายได้ ณ ปี 2566 ที่ 750 ล้านบาท
ด้านคุณปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่าในช่วง 5 ปีจากนี้ จะเห็นโครงการภายใต้การพัฒนาของวัน ออริจิ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 49,100 ล้านบาท
ด้านคุณปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่าหลังจากเปิดตัวบริษัทเมื่อช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2564 มีที่ดินเพื่อใช้พัฒนาพื้นที่เช่าทางอุตสาหกรรมกว่า 155,000 ตร.ม. จากแผนเดิมประมาณ 40,000 ตร.ม. สำหรับการพัฒนาโครงการแรกในย่านบางนา กม.22 ภายใต้ชื่อ แอลฟา บางนา กม.22 คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2565 เริ่มรับรู้รายได้ได้ในปีนี้
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลากหลายโปรเจกต์ภายใต้แผนงาน ทั้งการซื้อกิจการ และการพัฒนาเอง เพื่อไปสู่เป้าหมายพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 1 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2568