HomePR News“สกาย ไอซีที” ยกระดับ e-KYC ด้วย AI โชว์นวัตกรรมสแกนหน้าด้วยภาพเคลื่อนไหว [PR] 

“สกาย ไอซีที” ยกระดับ e-KYC ด้วย AI โชว์นวัตกรรมสแกนหน้าด้วยภาพเคลื่อนไหว [PR] 

แชร์ :

SKT ICT x SenseTime

คุณขยล ตันติชาติวัฒน์ (ซ้าย) และคุณมาร์ติน หวง

“สกาย ไอซีที” พัฒนาแพลตฟอร์ม e-KYC โดยใช้ AI สามารถยืนยันตัวตนด้วยภาพเคลื่อนไหว ป้องกันการปลอมแปลงใบหน้าแอบอ้างตัวตน พร้อมจับมือ SenseTime International ร่วมปรับฟีเจอร์ให้เข้ากับบริบทสภาพแวดล้อมและสังคมไทย พร้อมเปิดให้ทดลอง Demo สำหรับภาคธุรกิจ เล็งนำร่องกลุ่ม Digital Asset-ธนาคารประกัน   

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชนหรือ SKY ผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการ Digital Platform และ AI-Empowered Solution ระดับประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้ยกระดับเทคโนโลยีการทำความรู้จักลูกค้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) หนึ่งในเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของธุรกิจและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาฟีเจอร์ยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า (Facial Authentication) พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยขั้นสูงขณะทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ให้แก่ทั้งผู้ใช้และภาคธุรกิจ รองรับการเติบโตของบล็อกเชน

เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ที่เข้าไปมีบทบาทสำคัญในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงิน ยิ่งบล็อกเชนโตเท่าไหร่ ความต้องการเทคโนโลยี e-KYC จะยิ่งเติบโตคู่ขนานกันไป เพราะแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนบล็อกเชน ยังต้องมีกระบวนการ Digital Onboarding ยืนยันตัวตนลูกค้าตั้งแต่การเข้าใช้งานแพลตฟอร์มครั้งแรก เพื่อป้องกันการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน ขณะเดียวกัน บล็อกเชนยังอาจเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับ e-KYC ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย” 

สำหรับแพลตฟอร์ม e-KYC จากสกาย ไอซีที ประกอบด้วย ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ได้แก่ 

1.การตรวจจับใบหน้า (Face Detection) โดยใช้ระบบ 2D ในการสแกนใบหน้าเพื่อแปลงอัตลักษณ์ให้เป็นข้อมูลอ้างอิงชีวมิติ 

2.การปรับคุณภาพรูปถ่าย (Face Quality) จากการวิเคราะห์และตรวจสอบความคมชัดของใบหน้าจากรูปภาพเพื่อให้ได้มาตรฐาน 

3.การจำแนกข้อมูลอัตลักษณ์จากใบหน้า (Face Attributes) ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบของใบหน้าเพื่อระบุคุณลักษณะ เช่น เพศ อายุ การสวมใส่แว่นตาหรือหน้ากากอนามัย 

4.การเปรียบเทียบใบหน้า (Face Comparison) เพิ่มประสิทธิภาพในการพิสูจน์ตัวตนให้แม่นยำมากขึ้น ด้วยการเทียบใบหน้าปัจจุบันเข้ากับฐานข้อมูล 

5.การตรวจจับภาพหน้าจริง (Photo Liveness Detection) ตรวจจับภาพนิ่งว่าเป็นภาพใบหน้าจริง ป้องกันการนำรูปถ่ายหรือหน้ากากมาแอบอ้างในการยืนยันตัวตน

6.การตรวจจับใบหน้าจริงแบบภาพเคลื่อนไหว (Video Silent Liveness Detectionเพื่อป้องกันการนำไฟล์วิดีโอมาแอบอ้างในการยืนยันตัวตน

7.การตรวจจับภาพเคลื่อนไหวแบบตอบสนอง (Video Interactive Liveness) ด้วยการยืนยันตัวตนโดยเคลื่อนไหวตามคำร้องขอของระบบ ทั้ง ฟีเจอร์ถือเป็นจุดแตกต่างที่บริษัทมุ่งพัฒนาให้มีประสิทธิภาพโดดเด่นกว่าตลาดในประเทศไทย 

คุณขยล กล่าวอีกว่า บริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์ม e-KYC ร่วมกับ SenseTime International ผู้นำด้านซอฟต์แวร์ AI ระดับโลก นำเทคโนโลยี Interactive Face Liveness Detection เข้ามาเสริมประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลชีวมิติ (Biometric Presentation Attack) เช่น นำภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวใบหน้าของผู้อื่นมาซ้อนทับขณะสแกนใบหน้า เพื่อแอบอ้างตัวตัวในการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ ขณะเดียวกัน ได้ปรับรูปแบบการทำงานของเทคโนโลยีให้เข้ากับบริบทสภาพแวดล้อมและสังคมไทย ตลอดจนลักษณะทางกายภาพของคนไทย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันตัวตนและความปลอดภัย รองรับความต้องการใช้งานของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างความแตกต่างจากแพลตฟอร์ม e-KYC ทั่วไปที่นิยมซื้อสิทธิ์การใช้งานมาจากต่างประเทศโดยตรงและไม่ได้พัฒนาให้เข้ากับบริบทของไทย

ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ต้องการระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มธุรกิจประกันภัย  

คุณมาร์ติน หวง (Mr. Martin Huang), Managing Director of SenseTime International กล่าวว่า ความร่วมมือกับสกาย ไอซีทีครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของการใช้ Facial Authentication ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ท่ามกลางการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เริ่มได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย บริษัทจึงเชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีสแกนใบหน้าให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน และช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่โลกอนาคตได้เร็วขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-029-7888 หรืออีเมลinfo@skyict.co.th 

 


แชร์ :

You may also like