การคาดการณ์ที่บอกว่า หลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะ “สหรัฐอเมริกา” จะมีจำนวนรถ EV เพิ่มขึ้นมากถึง 26 ล้านคันภายในปี 2030 ได้ทำให้สตาร์บัคส์ (Starbucks) เชนกาแฟยักษ์ใหญ่ที่มีสาขามากกว่า 15,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ อาจตัดสินใจเปลี่ยนโพสิชันตัวเองด้วยการตั้งเป้าเป็นจุดชาร์จรถ EV นอกเหนือจากการเป็นร้านกาแฟแล้ว
มีรายงานว่า Starbucks ได้จับมือกับวอลโว่ (Volvo) และ Chargepoint ผู้ให้บริการจุดชาร์จไฟรถ EV ในการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟในจุดจอดรถของร้าน Starbucks ตลอดระยะทาง 1,350 ไมล์ของถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด และเมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน โดย Michael Kobori ผู้บริหารฝ่ายความยั่งยืนของ Starbucks ให้เหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่ไม่มีสถานีชาร์จไฟมากเท่าที่ควร
นักเดินทางมองหากาแฟดื่มตอนเช้า
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสที่ Starbucks มองเห็น ประกอบกับรูปแบบการใช้รถ EV ที่แตกต่างจากรถใช้น้ำมัน เพราะเจ้าของมักจะชาร์จไฟเต็มตั้งแต่ออกจากบ้าน ทำให้ไม่มีใครคิดจะตั้งสถานีชาร์จเอาไว้กลางทาง
แต่ในการเดินทางที่มีระยะทางไกล ๆ นอกจากร้านกาแฟแล้ว บางทีการมีจุดชาร์จไฟก็อาจเป็นประโยชน์ให้กับผู้ใช้รถ EV ด้วยเช่นกัน
ผู้บริหารของ Starbucks บอกต่อไปด้วยว่า พวกเขาคิดถึงอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางที่มักจะหากาแฟ (Starbucks) ดื่มระหว่างทริป หรือไม่ก็แวะหาอาหารเช้ารับประทาน ซึ่งในระหว่างการหยุดพักนั้น นอกจากการคุยเรื่องทริปแล้ว หากมีจุดบริการชาร์จไฟให้รถ EV ได้ด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องดี และทำให้นักเดินทางพร้อมเดินทางอย่างมั่นใจมากขึ้นว่ารถของพวกเขาจะไม่แบตหมดกลางทาง
สำหรับระยะเวลาในการชาร์จนั้น ทาง Starbucks บอกว่า ขึ้นอยู่กับรถ แต่ถ้าเป็นรถ EV ของวอลโว่ สามารถชาร์จจากไฟ 20% ให้กลายเป็น 90% ได้ภายใน 40 นาทีเท่านั้น
ตอบโจทย์คนในชุมชน
ไม่เฉพาะนักเดินทาง แต่การมีจุดชาร์จไฟให้รถ EV ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญยังอาจตอบโจทย์ผู้คนที่อาศัยในเมืองเหล่านั้นด้วย
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวยังเพิ่งเริ่มต้น และ Starbucks บอกว่า อยู่ระหว่างทดสอบว่าจะขยายบริการนี้ออกไปทั่วประเทศดีไหม
Source