น่าจะเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ iOS 15 ที่ตอนนี้คนไทยจำนวนมากรับรู้แล้ว กับการ “การเปลี่ยนวัน-เวลา” ของภาพที่ถ่ายบนไอโฟน (และไอแพด) ได้ด้วยตัวเอง และไม่เพียงเปลี่ยนวันเวลาได้เท่านั้น เรายังสามารถตั้งค่า “สถานที่” ของภาพได้อีกด้วย
วิธีตั้งค่า “วัน-เวลา-สถานที่” ใหม่ ใน iPhone
สำหรับการเปลี่ยนการตั้งค่าวันเวลาสถานที่ บนไอโฟนนั้น สามารถทำทีละภาพ หรือจะทำทีละหลาย ๆ ภาพพร้อมกันก็ได้ โดยเจ้าของไอโฟนต้องเข้าไปที่แอป Photos และกดเลือกภาพที่ต้องการเปลี่ยน จากนั้นกดไอคอน “i” ด้านล่าง เพื่อเข้าไปปรับแต่งวันเวลาให้เป็นไปตามที่ต้องการ หรือหากอยากเพิ่มสถานที่ก็กดเข้าไปที่ Add a location และกรอกข้อมูลลงไป เท่านี้ก็เรียบร้อย
ทำไมไอโฟนอนุญาตให้ผู้ใช้แก้ไขวันเวลาสถานที่ของภาพถ่ายได้
แต่สำหรับคนที่ยังสงสัยว่า ทำไม Apple ถึงอนุญาตให้ผู้ใช้แก้ไขวันเวลาสถานที่ของภาพถ่ายได้ เหตุผลก็คือ มันมีเรื่องของข้อมูลที่ตัวระบบจะบันทึกเกี่ยวกับภาพถ่ายรวมอยู่ด้วย โดยเราเรียกสิ่งนั้นว่า Metadata
Metadata เป็นชุดข้อมูลที่ระบบสร้างขึ้นเพื่อให้รายละเอียดของภาพนั้น ๆ และมันจะติดตามไปกับภาพในกรณีที่มีการโอนไฟล์ภาพไปยังซอฟต์แวร์ตัวอื่น หรือการแชร์ภาพให้กับคนอื่นด้วย โดยใน Metadata จะประกอบด้วยข้อมูล 3 ประเภท นั่นคือ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวภาพ, สิทธิของภาพ, และข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่สร้างภาพนั้น ๆ ขึ้นมา ซึ่งการที่ไอโฟนอนุญาตให้เข้าไปแก้ไขข้อมูลของภาพได้นั้น คือการเข้าไปเปลี่ยนในส่วนของ Metadata นี้นั่นเอง
หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือ ในกรณีที่เราไปเจอภาพถ่ายเก่า ๆ ของครอบครัว แล้วเราใช้ไอโฟนสแกนภาพนั้นเข้ามาอยู่ในเครื่อง ระบบจะมีการบันทึกข้อมูลว่าภาพนั้นถูกสร้างขึ้นในวันที่ปัจจุบันที่มีการสแกนภาพเข้ามา
แต่ถ้าเราทราบดีว่า จริง ๆ แล้วภาพนั้นถ่ายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งอาจเป็นงานรวมญาติ หรือวันสำคัญในชีวิตสักงาน เราก็น่าจะอยากบันทึกข้อมูลที่แท้จริงลงไปในภาพนั้นเช่นกัน ซึ่ง Apple เองก็มองเห็นในจุดนี้ จึงได้ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของภาพถ่ายได้จากแอป Photos ของ iOS 15 เลยนั่นเอง (สามารถยกเลิกและกลับมาใช้ค่าเดิมได้)
ทั้งนี้ เชื่อว่าตอนที่ Apple พัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวขึ้นมา น่าจะมาจากความตั้งใจดี และอยากให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อมูลได้ตามความเป็นจริง เพราะก่อนหน้าที่ไอโฟนจะพัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวใส่มาใน iOS 15 หากผู้ใช้งานต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในภาพถ่ายอาจต้องยุ่งยากกว่านี้นิดหนึ่ง เช่น ต้องใช้แอปอย่าง Metadata Pro มาช่วยแก้ไขนั่นเอง