HomeSponsoredทำไม Central World จึงเป็น Global Landmark และ จุดหมายของ “แบรนด์ดังทั่วโลก”

ทำไม Central World จึงเป็น Global Landmark และ จุดหมายของ “แบรนด์ดังทั่วโลก”

แชร์ :

นับตั้งแต่ “เซ็นทรัลเวิลด์” (Central World) เปิดให้บริการในปี 2545 ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการร่วมผลักดัน “ย่านราชประสงค์” ให้เป็น Global Destination ด้วยการสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือเป็นผู้บุกเบิกงาน Bangkok Countdown” ที่จัดต่อเนื่องทุกปี สามารถดึงผู้คนจากทั่วโลกมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ได้อย่างมหาศาล

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นอกจากงานเคาท์ดาวน์ที่สร้างชื่อเสียง และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย การท่องเที่ยวไทย และผู้ประกอบการแล้ว ด้วยความที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” เป็น Global Lifestyle Landmark จึงทำให้แบรนด์ระดับโลก เลือกมาเปิด Flagship Store และจัดอีเว้นท์ระดับโลกที่นี่

มาดูกันว่าในปี 2563 และปี 2565 มี Global Brand ไหนบ้างที่มาเปิด Flagship Store และจัดอีเว้นท์ที่ “เซ็นทรัลเวิลด์”

เปิดไทม์ไลน์ จับมือ “Global Brand” สร้างปรากฏการณ์สุดปังต่อเนื่อง!

แม้ในช่วงกว่า 2 ปีมานี้ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างให้กับทั้งภาคธุรกิจ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และสังคม แต่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่เหล่า Global Brand เลือกมาเปิด Flagship Store และทำโปรเจค Collaboration ร่วมกัน ด้วยการจัดอีเว้นท์ โดยที่หลายอีเว้นท์จัดขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก ทั้งในไทยและในโลก นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ที่สร้างประสบการณ์ความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นๆ และเป็น Success Case ของแบรนด์ที่จับมือกับเซ็นทรัลเวิลด์ด้วยเช่นกัน

– 31 กรกฎาคม 2563 เปิด “Apple Central World” สาขาใหญ่ที่สุดในไทย เซ็นทรัลเวิลด์ถือเป็น Strategic Location ของ Apple Store มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมดีไซน์แบบกระจกทั้งหมดเป็นครั้งแรก ทำให้เห็นวิวพาโนรามา 360 องศา ส่วนภายในออกแบบเป็น 2 ชั้นมีบันไดวนโอบล้อมด้วยแกนไม้ และมีลิฟต์โดยสารทรงกระบอกที่หุ้มด้วยสแตนเลสสตีลที่ขัดเงาเหมือนกระจก จึงมีเอกลักษณ์แตกต่างจาก Apple Store ทั่วไป

อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2564 จากการแพร่ระบาดหนักในไทย และมาตรการล็อกดาวน์ “เซ็นทรัลเวิลด์” จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ และปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ส่งผลให้ตลอดปีที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการจัดกิจกรรมได้ตามปกติ

แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2565 สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และปลดล็อกดาวน์ ทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ การจัดอีเว้นท์เริ่มกลับมา ทาง “เซ็นทรัลเวิลด์” ในฐานะที่เป็น Lifestyle Destination ได้เตรียมอีเว้นท์จากแบรนด์ดังระดับโลก มาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคตลอดทั้งปี

– 11 กุมภาพันธ์ – 27 มีนาคม 2565 “Uniqlo x Studio Ghibli” จัดนิทรรศการใหญ่ครั้งแรกในเมืองไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตอกย้ำการเป็น Lifestyle Destination ระดับโลกของเซ็นทรัลเวิลด์ มอบประสบการณ์ความสุข ชวนทุกคนมาหลงไปในโลกมหัศจรรย์ของแอนิเมชันสุดโด่งดังจากญี่ปุ่นอย่าง Studio Ghibli กับนิทรรศการ #My style, My Ghibli จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในไทย

– 14 กุมภาพันธ์ 2565 “Tinder x Central World” ครั้งแรกของการจับมือระหว่าง Dating Application “Tinder” กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จัดแคมเปญฉลองวันแห่งความรัก ภายใต้ธีม Love Vibes การตกแต่งฉลองวันแห่งความรักทั่วทั้งศูนย์ฯ และกิจกรรมไฮไลท์มากมาย เช่น Tinder Photo Booth ตู้ถ่ายรูปฟรี, จุดถ่ายรูปเสริมพลังความรัก Tinder Photo Spot ไหว้ขอพรพระตรีมูรติ เทพแห่งพลังความสำเร็จทุกด้านทั้งความรัก การงาน ฯลฯ ซึ่งเป็น Landmark แห่งปีของเทศกาลวาเลนไทน์ที่ได้รับแรงศรัทธาจากทั่วโลก

– 18 – 27 มีนาคม 2565 เปิดตัว “HermèsFit” ครั้งแรกในไทย หลังจากได้เวียนไปจัดต่อเนื่องกันในหลากหลายเมืองหลวงแฟชั่นทั่วโลก เช่น โตเกียว, นิวยอร์ค, ปารีส ครั้งนี้เนรมิตลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์กว่า 4,000 ตารางเมตร ให้เป็น Interactive Sports Universe” ชวนทุกคนมาร่วมฟิตร่างกายไปด้วยกัน ณ ยิมที่ออกแบบเป็นพิเศษ

– 24 มีนาคม 2565 เอ็กซ์คลูซีฟ Meet & Greet กระทบไหล่ เท็ดดี้ เชอริ่งแฮมตำนานนักเตะระดับโลกที่ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลเวิลด์ ตอกย้ำการเป็น Sport Destination ระดับโลก ที่คัดสรรอีเว้นท์และงานดีๆ มามอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับสายสปอร์ต และแฟนกีฬาตัวจริง

– 19 มิถุนายน 2565 World tour โชว์สแตนด์อัปคอมเมดี้ครั้งแรกในไทยของ “อังเคิล โรเจอร์” (Uncle Roger) อินฟลูเอนเซอร์ระดับโลก ที่มีวลีฮิตติดปากอย่าง “ไฮ้ยาาาา” และโด่งดังจากคลิปการคอมเม้นท์เชฟทำอาหารเอเชียจนเป็นกระแสไวรัลหลายล้านวิว จัดขึ้นที่ centralwOrld LIVE

นอกจากอีเว้นท์สุดปังแล้ว “เซ็นทรัลเวิลด์” ยังสร้างสรรค์ Creative Content สื่อสารโดนใจผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม แต่ละไลฟ์สไตล์ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศเป็น The Winner สุดยอดแบรนด์ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย Best Brand Performance on Social Media สาขา Department Store & Super Store” ปี 2022 จาก THAILAND ZOCIAL AWARDS

3 เหตุผลทำไม “เซ็นทรัลเวิลด์” จึงเป็นจุดหมายแบรนด์ดังทั่วโลก

จากการเปิด Flagship Store และงานอีเว้นท์ของแบรนด์ดังระดับโลกที่เซ็นทรัลเวิลด์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า “เซ็นทรัลเวิลด์” ได้รับความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากแบรนด์ใหญ่ทั่วโลก ในการเปิดสาขา หรือจัดกิจกรรม เพื่อ Connect กับผู้บริโภคไทย และชาวต่างชาติ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ “เซ็นทรัลเวิลด์” สามารถสร้างความร่วมมือกับ Global Brand มากมาย มาจาก 3 องค์ประกอบหลักคือ

1. มุ่งมั่นพัฒนาเซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็น “Global Landmark” นับตั้งแต่วันแรกที่สร้างโครงการ เพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าคนไทย และชาวต่างประเทศมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เพราะด้วยโลเคชั่นอยู่ใน “ย่านราชประสงค์” ซึ่งเป็นใจกลางเมือง และมีความครบวงจรของการเป็น “ย่านการค้า” หรือ “ย่านเศรษฐกิจ” ของมหานครใหญ่ที่สามารถพัฒนาไปสู่การเป็น World-class Shopping Destination ได้

ดังนั้นด้วยประสบการณ์ของการเป็น Place Maker “เซ็นทรัลพัฒนา” มายาวนาน 40 ปี บวกกับศักยภาพความพร้อมของทำเล และองค์ประกอบในย่านนี้ ทำให้แนวทางที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” เดินไปนั้น คือ การเป็น Global Landmark ทั้งเป็นโครงการขนาดใหญ่, การออกแบบทั้งภายนอก และภายใน ตลอดจนพันธมิตรคู่ค้าที่มาเปิดร้าน และจัดอีเว้นท์ เป็นแบรนด์ชั้นนำ ทั้งในไทย และระดับโลก

ถึงวันนี้เซ็นทรัลเวิลด์ ได้เปิดให้บริการมา 20 ปีแล้ว ยังคงไม่หยุดพัฒนาปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เทรนด์ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำความเป็น Global Landmark อย่างต่อเนื่อง

2. “Customer-centric” ทำศูนย์การค้าให้เป็น “Center of Life” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Purpose การพัฒนาทุกศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา คือ สร้างให้เป็น Center of Life” เมื่อเจตจำนงค์ต้องการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คน แน่นอนว่าต้องโฟกัสที่ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็น Lifestyle Destination ในแต่ละไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทั้ง Food, Fashion, Sport, Family ไปจนถึง Pet Destination เพื่อสร้างประสบการณ์การมาศูนย์การค้าให้เป็นมากกว่าช้อปปิ้ง แต่คือการมาพักผ่อน มาใช้ชีวิต มาพบปะ Community ที่มีความชอบ – มีไลฟ์สไตล์เดียวกัน มาเปิดรับประสบการณ์ใหม่

ดังนั้นหนึ่งในกลยุทธ์เติมเต็มให้ “เซ็นทรัลเวิลด์” เป็น Center of Life ของคนไทย และผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมาประเทศไทย คือ การทำ Collaboration กับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น Apple, Tinder, Hermès ร่วมกันเปิดสโตร์ หรือจัดอีเว้นท์ ซึ่งแบรนด์ใหญ่ระดับโลก จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า และเป็นแม่เหล็กในการดึงคนเข้ามายังศูนย์การค้า

3. ตอกย้ำบทบาทของการเป็น “Pioneer” สร้างสิ่งใหม่ในวงการค้าปลีก

ที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” ถือเป็นผู้บุกเบิก (Pioneer) สร้างสิ่งใหม่หลายอย่างในวงการค้าปลีกของประเทศไทย เช่น เป็นผู้บุกเบิกการทำ Mixed-use Development ในไทย นำร่องด้วยศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาวพร้าว ที่มีทั้งศูนย์การค้า, คอนเวนชั่นฮอลล์, โรงแรม และอาคารสำนักงาน, เป็นศูนย์การค้าแรกที่ทำลู่วิ่งที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ให้ประชาชนใช้งานฟรี, เป็นศูนย์การค้า Pet Friendly ให้ลูกค้าสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาได้

นอกจากการเป็น Pioneer ทั้งสร้างโครงการรูปแบบใหม่ และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรใหม่ต่างๆ แล้ว ในด้านอีเว้นท์ยังเป็น Experience Curator” คัดสรรอีเว้นท์ใหม่ๆ จัดขึ้นครั้งแรกในไทยหลายงาน โดยเฉพาะที่เซ็นทรัลเวิลด์ ด้วยความเป็น Global Landmark จึงมักมีอีเว้นท์จัดครั้งแรกในไทยมานำเสนอให้กับลูกค้าอยู่เสมอ

อย่างการ Collab ครั้งสำคัญของ Tinder x Central World” ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ ที่เชื่อมพลังแห่งความรัก ความเชื่อและความศรัทธา เข้ากับ Digital Experience ถือเป็นกรณีศึกษา World’s Best Practice ที่แอปฯ Tinder เอาเคสความร่วมมือครั้งนี้ไปแชร์ทั่วโลกถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น หรือการจัดนิทรรศการใหญ่ของ “Studio Ghibli” เป็นครั้งแรกแห่งเดียวในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์


แชร์ :

You may also like