Ipsos เปิดผลสำรวจชาวอังกฤษจำนวน 2,000 คน พบผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 4 เริ่มลดการรับประทานอาหารบางมื้อลง เหตุราคาอาหารพุ่งสูง นอกจากนั้น 4 ใน 5 ของชาวอังกฤษยังกังวลเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มั่นใจว่า พวกเขาจะมีเงินมากพอในการซื้อสิ่งของจำเป็นในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย ด้าน Marks & Spencer แบรนด์ดังสัญชาติอังกฤษได้ออกโรงเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมปรับตัวโฟกัสธุรกิจอาหารมากขึ้น
ปัญหาวิกฤติอาหารกำลังลุกลามในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างอังกฤษ โดยมีรายงานจาก CNBC ระบุว่า กว่า 50% ของชาวอังกฤษที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 ปอนด์ ยอมรับว่า พวกเขากังวลอย่างมากเรื่องเงินที่จะหามาจ่ายค่าใช้จ่ายว่าจะมีมากพอไปจนถึงสิ้นปีนี้หรือไม่ แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 55,000 ปอนด์ พบว่า มีความกังวลในจุดนี้เพียง 2 ใน 5 คน เท่านั้น
อีกกลุ่มที่ลำบากใจกับปัญหาเงินเฟ้อและราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคือโรงเรียน ที่ต้องตัดสินใจว่าจะลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อลง หรือจะเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่คุณภาพต่ำกว่าเดิม เพื่อให้เด็ก ๆ ยังอิ่มท้องเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Kantar ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นไปแตะ 5.9% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2011 พร้อมอ้างว่าส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็พุ่งเป้าไปที่สงครามยูเครน – รัสเซีย โดยมองว่า จากเดิมที่ประเทศในสหภาพยุโรปสามารถนำเข้าสินค้ากลุ่มอาหาร เช่น ธัญพืช ผัก หรือ ปุ๋ย จากยูเครน – รัสเซียนั้น มาตอนนี้เส้นทางดังกล่าวได้ขาดสะบั้นไปแล้ว จึงนำไปสู่ผลกระทบดังที่เป็นอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Marks & Spencer ปรับตัวโฟกัสธุรกิจอาหาร
ในกรณีราคาอาหาร Marks & Spencer (M&S) แบรนด์ดังสัญชาติอังกฤษได้ออกโรงเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในสิ้นปีนี้ และบริษัทคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่ออัตราการเติบโตของบริษัท รวมถึงอาจมีผลประกอบการที่ลดลงด้วยเช่นกัน
เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เพราะลูกค้าของ M&S ส่วนหนึ่งเริ่มเป็นกลุ่มที่มีอายุมากขึ้น ซึ่ง M&S ระบุว่า คนกลุ่มนี้อาศัยเงินบำนาญและผลตอบแทนจากตลาดหุ้น ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติในปีนี้ ทำให้กลุ่มลูกค้ามีเงินจับจ่ายลดลงนั่นเอง
นอกจากนั้น ทาง M&S ยังมีการปิดหน้าร้านจำนวน 68 แห่ง และอาจต้องทำการรีโนเวทร้านที่เหลืออยู่ให้ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้งบในการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 300 ล้านปอนด์เป็น 400 ล้านปอนด์ ในปีการเงินนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี M&S สามารถลดหนี้สุทธิจากสัญญาเช่าที่เคยมีอยู่ 1.1 พันล้านปอนด์ให้เหลือ 420 ล้านปอนด์ได้ และบอกว่าจะหันมาโฟกัสธุรกิจอาหารมากขึ้น โดยเน้นที่ความคุ้มค่าของอาหาร โดยส่วนหนึ่งมาจากผลสำรวจที่กล่าวข้างต้นที่พบว่า คนอังกฤษเริ่มยกเลิกการรับประทานอาหารบางมื้อลง และเปลี่ยนมาทำอาหารรับประทานที่บ้านแทนนั่นเอง