การเข้าสู่ยุคของความมั่นคั่งใหม่ หรือ ยุค 5.0 “เทคโนโลยี” คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ (New Growth) ดังนั้นยุคจากนี้ไปการต่อสู้และการแข่งขันด้านเทคโนโลยีจะเป็นตัวชี้วัดว่าประเทศใดจะได้ขึ้นเป็นผู้นำโลก
ในงานสัมมนาใหญ่ Enhance the Dots ที่จัดโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Digital Transformation หรือการเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยี
โดยให้มุมมองว่าการนำหรือขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุค 5.0 สิ่งสำคัญ คือเรื่องการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ซึ่งเป็นประเด็นเชิงนโยบายเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่งคั่ง เพราะไม่สามารถหนีการแข่งขันด้านนี้ไปได้
8 Big Move นำประเทศไทยสู่ยุค 5.0
ซีอีโอเครือซีพี ได้เสนอให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุค 5.0 ด้วย 8 การขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงดังนี้
1. การวางตำแหน่งประเทศไทย เป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยี หรือ Tech Hub ในระดับภูมิภาค โดยหนึ่งในนโยบายที่จะสนับสนุนไทยในด้านนี้คือ การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์ไปสู่ EV เป็นต้น เพราะไม่ได้มาแค่เรื่องของรถยนต์ แต่มาพร้อมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ เทคโนโลยีพลังทดแทน รวมทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานหรือคลาวด์เทคโนโลยี เพื่อต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีอื่นๆ ทั้ง AI และ IoT มีความจำเป็นต่อระบบการดำเนินธุรกิจหรือแม้กระทั่งที่อยู่อาศัยในอนาคต ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เทคโนโลยีนี้ให้ได้เร็วที่สุด
2. การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและการเงินของภูมิภาค หรือ Logistic & Financial Hubs กุญแจสำคัญคือ รถไฟไทย-จีน ถ้าสำเร็จจะเชื่อมโยงให้ EEC สำเร็จตามไปด้วย ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่ง ซึ่งสิ่งที่จะตามมาคือการเป็น Trade Hub ที่เชื่อมตลาดไทย จีน และอาเซียน เข้าด้วยกัน และอาจเชื่อมต่อไปถึงอินเดีย เกิดเป็น Thailand Link ที่จะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและเศรษฐกิจขนาดใหญ่
3. การทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food Security Hub โดยส่งเสริมและพัฒนาภาคเกษตรดั้งเดิมให้ก้าวสู่การเป็น Agro Smart Industry ยกระดับภาคเกษตรในประเทศไทย ปัจจุบันมีความสำเร็จเฉพาะปศุสัตว์ ภาคพืชผลที่สำเร็จยังมีน้อย มีเพียงอ้อยที่พัฒนาเป็นเกษตรอุตสาหกรรมได้สำเร็จ จุดนี้ต้องแก้ไขปรับปรุง รวมถึงการทำชลประทาน เพื่อไม่ให้ไทยสูญเสียโอกาสการเป็นฮับในด้านความมั่นคงทางอาหารของโลก
4. การเตรียมพร้อมเรื่องคน หรือ People Readiness ในการก้าวสู่ยุค 5.0 ที่เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี คนคือหัวใจสำคัญ การเตรียมความพร้อมแรกคือการสร้างแรงงานในอนาคต (Future Workforce) ให้มีทักษะด้านดิจิทัลในระดับ 4 จำนวน 3.5 ล้านคน
ทักษะด้านดิจิทัลมี 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 0 ไม่มีทักษะด้านดิจิทัล คือ แรงงานที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ระดับที่ 1 ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับชีวิตประจำวัน ระดับที่ 2 ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการทำงานได้ สามารถใช้ดิจิทัลเพื่อการทำงานได้ อาทิ การใช้ โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลางในการทำงาน ระดับที่ 3 ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทักษะระดับสูงสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงได้
ขณะที่คนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลยังมีอยู่ในจำนวนน้อย หรือต่ำกว่า 1 % ของแรงงานทั้งหมด ขณะที่เกาหลีใต้หรือสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 7-8%ของแรงงานทั้งหมด ส่วนมาเลเซียมีเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้าจะต้องมีแรงงานที่มี digital skill ระดับ 4 เป็นจำนวนถึง 10%
การสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัปไทย โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยมีสตาร์ทอัปจำนวน 20,000 คนภายใน 5 ปี จะส่งเสริมผลักดันให้เกิดนวัตกร วิศวกร ผู้ที่มีความคิดเป็นเจ้าของกิจการ ฯลฯ เป็นจำนวนถึง 1,000,000 คน (สตาร์ทอัป 1 รายจะสามารถจ้างงานได้ 50 คน) ซึ่งจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค 5.0 เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยเป็นเทคฮับของภูมิภาค
การปฏิรูปการศึกษา เพราะโจทย์สำคัญคือการสร้างคนที่มีทักษะดิจิทัล 3.5 ล้านคน การปฏิรูปการศึกษาจึงสำคัญ แนวทางหนึ่งที่น่าสนใจคือการสร้างเด็กไทยให้มีทักษะด้านดิจิทัลตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งจะผลักดันให้ครูเปลี่ยนบทบาทจาก Instructor หรือ Center Knowledge มาสู่ participator นำไปสู่การปฏิรูปได้
5. การพัฒนา Smart City, Smart Town และ Smart Village เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ที่สร้างให้เกิด “เศรษฐกิจใหม่” หรือการสร้างเศรษฐกิจให้มีมูลค่าสูงขึ้น และ Productivity ที่สูงขึ้น คือการสร้างตลาดที่สามารถสร้างอีก 10-20 อุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
6. World Political Neutrality ภาวะการเมืองที่เศรษฐกิจพยายามแบ่งเป็น 2 ขั้ว ไทยต้องยืนอยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่ประสานประโยชน์ให้ทุกฝ่ายได้ ไทยและภูมิภาคก็จะได้ประโยชน์ ซึ่งขณะนี้ไทยดำเนินการได้ดีแล้ว
7. State Transformation ข้าราชการระดับบริหารต้องมีรายได้สูงกว่าเอกชน เพื่อดึงดูดคนเก่งเข้าสู่ระบบราชการ นอกจากนี้ข้าราชการจะต้องมีทักษะทางด้านเทคโนโลยี เพื่อช่วย Empower ให้แก่เอกชนและประชาชน และสร้างความโปร่งใส ดังนั้นเมื่อ 2 เรื่องนี้เกิดขึ้นควบคู่กันจะเห็นเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลโดยธรรมชาติ
8. Thailand Sustainable Dream หรือ ความยั่งยืน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยสู่ยุค 5.0 สิ่งสำคัญคือต้องผสมผสานกับความยั่งยืน โดยจะต้องก้าวให้ถึงเป้าหมายในการเป็น Net-Zero, Zero-Waste, Zero- poverty , Zero-Crime และ Zero Unemployment พูดง่าย ๆ คือ 100% Security
“สิ่งเหล่านี้ถ้าเราตั้งเป้าหมายร่วมกัน ก็จะสร้างความฝันร่วมกันที่มองว่าประเทศไทยเราจะไปในจุดไหน”