HomeBrand Move !!เทรนด์ไฮบริดต้องมา EventX เปิดผลสำรวจ 70% องค์กรพร้อมจัดอีเวนท์ “เวอร์ชวล”

เทรนด์ไฮบริดต้องมา EventX เปิดผลสำรวจ 70% องค์กรพร้อมจัดอีเวนท์ “เวอร์ชวล”

แชร์ :

การแสดงคอนเสิร์ตของ EventX ใน The Sandbox

การแสดงคอนเสิร์ตของ EventX ใน The Sandbox

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดงานอีเวนท์ที่เราพบเห็นได้มากขึ้นในยุคหลัง Covid-19 ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบ Hybrid คือมีทั้งการจัดอีเวนท์ในสถานที่จริง เชิญผู้คนจริง ๆ มาร่วมงาน และอีเวนท์ที่จัดบนโลกออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเข้ามาที่สถานที่จัดงานด้วยตัวเอง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แน่นอนว่ามีบริษัทจำนวนมากเห็นโอกาสจากความเปลี่ยนแปลงนี้ หนึ่งในนั้นคือ EventX สตาร์ทอัพด้านแพลตฟอร์มการจัดการงานอีเวนต์แบบไฮบริดจากฮ่องกง โดยคุณซัม หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EventX ได้ยกเคสการจัดงานของบริษัทที่ผ่านมาในเกาะฮ่องกงว่า การจัดอีเวนท์ออนไลน์ที่แสดงผลได้แบบ 3 มิติ หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ Metaverse และผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้อวาตาร์ (Avatars) ของตัวเองในการเข้าชมงาน และรับ NFT (Non-Fungible Token) จากผู้จัดงานได้ เป็นสิ่งที่ทำให้โลกของการจัดงานอีเวนท์ยังคงน่าสนใจ และดึงดูดผู้คนได้มากขึ้น

sum wong eventx ceo

คุณซัม หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EventX

70% องค์กรมีแผนจัดอีเวนท์ไฮบริด

ผู้บริหาร EventX ยังได้เผยผลสำรวจจากรายงาน EventX Metaverse & Event Trend Outlook 2022 ซึ่งทำการสำรวจผู้จัดงานและผู้เชี่ยวชาญ 1,500 คนทั้งองค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียเกี่ยวกับมุมมองของการจัดงานอีเวนต์ โดยพบว่า ในอีก 12 เดือนข้างหน้า บริษัทต่าง ๆ มีแผนจะจัดอีเวนท์แบบไฮบริด – เวอร์ชวลราว 70% และ 77% จะนำเทคโนโลยี AR, VR หรือ MR เข้ามาใช้ในอีเวนท์ของตัวเองเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้บริโภคด้วย

ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาคธุรกิจสนใจจัดงานแบบไฮบริด หรือเวอร์ชวลนั้น 47.8% บอกว่าต้องการลดค่าใช้จ่ายในการจัดอีเวนท์ ขณะที่อีก 52.2% บอกว่าต้องการสร้างฐานข้อมูลผู้บริโภคเพื่อทำการวิเคราะห์ (Data Analytic) โดยกลุ่มธุรกิจที่ทาง EventX มองว่ามีโอกาสสูงในการเจาะตลาดมี 5 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการศึกษา, การจัดงานแสดงสินค้า, ธุรกิจความบันเทิง, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการจัดอีเวนท์ภายในองค์กร

จุดแข็ง เจาะตลาดเอเชีย-จีน

คุณซัม หว่องยังได้ยกตัวอย่างกรณีของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ HSBC ที่ EventX เข้าไปช่วยจัดงานอีเวนท์ให้ที่ฮ่องกง ที่มีการแจกภาพถ่ายแขกผู้เข้าร่วมงานเป็น NFT หรือกรณีของการจัดงานคอนเสิร์ตศิลปินที่ใช้ตั๋วคอนเสิร์ตเป็น NFT รวมถึงมีแอร์ดรอปให้กับแฟนคลับว่าเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ในภาคการศึกษาก็มีการจัดอีเวนท์ Open House หรือการจัด Job Fair แบบไฮบริดมากขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบัน EventX ได้รับเงินลงทุนราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐจาก HTC, 500Startup, Uzabase, Gaocheng และ GLV และจัดงานอีเวนท์ให้กับบริษัทต่าง ๆ มาแล้วกว่า 6,000 ครั้ง โดยจุดที่น่าสนใจคือ ในไตรมาส 4 ของปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทพบว่า มีผู้สนใจเข้าร่วมอีเวนท์ที่ EventX จัดเพิ่มขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ทางบริษัทเผยว่า ในปี 2022 บริษัทมีแผนจะเจาะ 8 ตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้รองรับภาษาของทั้ง 8 ตลาดนี้เรียบร้อย ด้านจุดเด่นของทางแพลตฟอร์มที่คุณซัม หว่องเผยก็คือ สามารถจัดอีเวนท์แบบ Metaverse เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยที่ไม่ติดปัญหาเรื่อง China Greatwall เนื่องจากทางบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง และได้รับสิทธิพิเศษจากทางการจีน ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง

การประชุมของ EventX ใน The Sandbox

การประชุมของ EventX ใน The Sandbox

ซื้อที่ดินบน The Sandbox รับเทรนด์อีเวนท์ไฮบริด

ขณะที่ผู้บริโภคที่อยู่นอกตลาดจีน EventX ก็มีการเข้าซื้อที่ดินเสมือนจริงบน The Sandbox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจเอาไว้รองรับด้วยเช่นกัน โดยคุณซัม หว่องเผยถึงการซื้อที่ดินดังกล่าวว่า The Sandbox เป็นพื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่ และค่อนข้างได้รับความนิยมในเอเชีย ซึ่งเหตุผลของการเข้าซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่การจัดอีเวนท์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมนั่นเอง (ทางแพลตฟอร์มมีช่องทางอื่น ๆ ใช้งานร่วมด้วย เช่น Facebook, YouTube, Instagram ฯลฯ)

อย่างไรก็ดี ทางบริษัทพบด้วยว่า มีองค์กรอีกไม่น้อยที่ยังไม่ตัดสินใจจัดอีเวนท์แบบไฮบริด โดยเหตุผลที่ไม่จัดมีหลัก ๆ 4 ข้อ ได้แก่

  • ขาดความรู้ความเข้าใจ 47.8%
  • ไม่ทราบว่าจะจัดอย่างไรให้เหมาะสม 43.5%
  • ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานอีเวนท์ลักษณะดังกล่าว 34.8%
  • กังวลเรื่อง Data Security และ Privacy 30.4%

ซึ่งคุณซัม หว่องบอกว่า อาจเป็นสิ่งที่บริษัทที่อยู่ในธุรกิจนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจ – ให้ความรู้กับบริษัทต่าง ๆ ให้มากขึ้น


แชร์ :

You may also like