ใคร ๆ ก็อยากโตในตลาดรถ EV จีน เพราะไม่เพียงแต่โตโยต้า (Toyoto) และ Volkswagen จะออกตัวแรงแล้ว ทางค่ายฮอนด้า (Honda) ก็ออกมาประกาศเจาะตลาดรถ EV ระดับกลางในจีนเช่นกัน โดยตั้งราคาเริ่มต้นรถ EV ของบริษัทเอาไว้ที่ 175,000 หยวน หรือประมาณ 8.94 แสนบาท พร้อมชูจุดขายว่าเป็นราคาที่ถูกกว่ารถของเทสล่า รถระดับลักชัวรี่นั่นเอง
ทั้งนี้ ฮอนด้าคาดว่าจะเปิดตัวรถ EV ได้ราว 10 รุ่นภายในอีกห้าปีข้างหน้า โดยรุ่นแรกคือ e:NS1 ที่ผลิตขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับค่ายผู้ผลิตในประเทศจีนอย่าง Dongfeng Honda สำหรับแบตเตอรี่ของรถรุ่นดังกล่าวสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 510 กิโลเมตร ผลิตโดยบริษัทจีน CATL และเป็นบริษัทที่ฮอนด้าร่วมลงทุนด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบัน CATL เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ส่วนฟีเจอร์ภายในของรถมีตั้งแต่หน้าจอทัชสกรีน ที่สามารถเสิร์ชหาเส้นทางได้, สามารถสั่งการเปิดปิดกระจกรถยนต์ได้ด้วยภาษาจีน รวมถึงมีฟังก์ชันตรวจจับว่าคนขับง่วง หรือไม่ได้มองถนนหรือไม่ด้วย
ฮอนด้ายังมีแผนจะสร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับรถ EV ของตนเอง โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่นี้ จะผลิตรถ EV ส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรปด้วย
ตั้งเป้าขาย EV ได้ 8 แสนคันภายในปี 2030
สำหรับยอดขายของรถยนต์ฮอนด้าในจีนเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่าอยู่ที่ 1.56 ล้านคัน โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ทั่วไปกับรถไฮบริด ส่วนรถ EV มียอดขายอยู่ราว 10,000 คัน อย่างไรก็ดี ฮอนด้าตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2030 บริษัทจะมียอดขายรถ EV ในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 คัน ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้จะทำได้หรือไม่อาจต้องพึ่งรถยนต์รุ่นบุกเบิกอย่าง e:N รุ่นนี้นั่นเอง
รายงานจาก Nikkei Asia ระบุด้วยว่า สำหรับตลาดรถ EV ในจีนตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 เซกเมนต์ โดยในเมืองใหญ่ รถ EV ที่มีราคามากกว่า 300,000 หยวนหรือประมาณ 1.5 ล้านบาท (จัดอยู่ในกลุ่มลักชัวรี่) นั้นได้รับความนิยมสูง ซึ่งเทสล่า (Tesla) และรถ EV สัญชาติจีนยี่ห้อ NIO ถือเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว
ขณะที่เมืองรองลงมา ราคารถ EV ที่ย่อมเยากว่าก็ได้รับความนิยมเหนือกว่าแทน โดยรถในกลุ่มนี้จะมีราคาประมาณ 30,000 หยวน ประมาณ 1.5 แสนบาท เช่นรถของค่าย Hongguang MINI EV ส่วนฮอนด้านั้น ตั้งใจว่าจะเจาะตลาดผู้บริโภคที่มองหารถราคา 200,000 หยวน ซึ่งเป็นตลาดรถ EV ระดับกลางที่คาดว่าจะเติบโตสูงในอนาคตอันใกล้