การลดลงของลูกค้าเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) จำนวน 200,000 รายที่บริษัทประกาศออกมาเมื่อไตรมาสที่ 1 ของปีอาจกำลังสั่นสะเทือนอาณาจักร Netflix มากกว่าที่คิด เพราะอาจทำให้ Netflix เป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องเริ่ม “ควบคุมต้นทุน” เห็นได้จากกรณีล่าสุดที่บริษัททำการเลิกจ้างพนักงานรวดเดียวถึง 150 คน หรือเทียบเท่ากับ 2% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
ทั้งนี้ การควบคุมต้นทุนที่เกิดขึ้นได้รับการอธิบายจาก Spencer Neumann ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ Netflix ว่า บริษัทจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงใน 2 ปีข้างหน้านับจากนี้ เช่น อาจลดพนักงานที่ดูแลเรื่องการผลิตภาพยนตร์ – ซีรีย์ให้น้อยลง
อย่างไรก็ดี Netflix ก็ยืนยันว่า จะไม่ตัดงบประมาณด้านการผลิตคอนเทนต์ที่เคยตั้งไว้ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีแต่อย่างใด
ส่วนพนักงาน 150 คนที่ถูกเลิกจ้างนั้น เป็นพนักงานในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งสื่อตะวันตกอย่าง The New York Times ยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในด้วยว่า Netflix อาจมีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มเติมอีกครั้งในปีนี้ด้วย
เมื่อหันมาดูข้อมูลอื่น ๆ ประกอบ พบว่า มีการเปิดเผยจาก The Information ที่ระบุว่า ในบรรดาคนที่ยกเลิกสมาชิก Netflix เมื่อไตรมาส 1 ของปี 2022 นั้น เป็นคนที่ใช้บริการมานานกว่า 3 ปีมากถึง 13% ซึ่งนำไปสู่การวิเคราะห์ว่า Netflix กำลังเจอความท้าทายครั้งใหญ่ นั่นคือการไม่สามารถรักษาลูกค้าที่ใช้บริการมายาวนานได้อีกต่อไป
ขณะที่คนที่สมัครเข้ามาใหม่ก็ออกจากแพลตฟอร์มเร็วเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในไตรมาสที่สองของปี 2021 พบว่า 70% ของผู้ที่ยกเลิกการสมัครเป็นสมาชิก คือคนที่สมัครเข้าใช้งานยังไม่ถึง 1 ปี
ปัจจัยที่ทำให้การแข่งขันของ Netflix มาถึงจุดที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกามาจากจำนวนของคู่แข่งที่มีมากขึ้น และคู่แข่งเหล่านั้นต่างก็มีแพกเกจค่าบริการที่ถูกกว่า แลกกับการดูโฆษณาพ่วงไปด้วย เช่น Hulu ที่ลูกค้าจ่ายในราคาเพียง 6.99 เหรียญสหรัฐเท่านั้น
นอกจากนั้น Netflix ยังเจอปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้บริษัทต้องยุติการให้บริการในรัสเซียจากสงครามยูเครนด้วย โดยในจุดนี้ บริษัทสูญเสียลูกค้าประมาณ 1 ล้านคนเลยทีเดียว
นอกจากการควบคุมต้นทุนแล้ว การเพิ่มรายได้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Netflix ออกมาเปิดเผยแผนการอยู่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นราคาแพกเกจต่าง ๆ จากราคาเริ่มต้น 8.99 – 17.99 เหรียญสหรัฐ เป็น 9.99 – 19.99 เหรียญสหรัฐ รวมถึงการพัฒนาเวอร์ชันมีโฆษณา แลกกับการจ่ายเงินรายเดือนในราคาที่ถูกลงที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้
หรือการจัดการปัญหาการแชร์พาสเวิร์ด ที่ Netflix เชื่อว่ามีผู้ใช้งานราว 100 ล้านคนที่เข้าใช้งาน Netflix ได้แบบไม่ต้องจ่ายเงิน โดยเชื่อว่าหากสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้ ก็จะทำให้บริษัทมีรายรับมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง