เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันกำลังเจอบททดสอบครั้งสำคัญ หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขผู้ใช้งานโดยรวมลดลง 2 แสนราย และเป็นการ “ลดลงครั้งแรก” ของบริษัทในรอบ 12 ปี ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงกราวรูดกว่า 20%
นอกจากนั้น ในแง่ของผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี Netflix ก็ยังมีกำไรเหลือเพียง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่ง Netflix ชี้เป้าไปที่การแชร์พาสเวิร์ดของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านครัวเรือนทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ในจุดนี้ไป
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Reed Hastings ซีอีโอ Netflix ได้แจ้งกับนักลงทุนว่า บริษัทเตรียมคิดค่าบริการเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่มีการแชร์พาสเวิร์ดให้กับคนอื่น (รวมถึงคนในครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน) พร้อม ๆ กับแนวคิดการนำโฆษณาเข้าสู่แพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ดี ในการให้ข้อมูลครั้งนั้น Reed Hastings บอกว่าอาจจะเริ่มใช้ในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า แต่มีรายงานจากแหล่งข่าวภายในองค์กร (อ้างอิงจาก The New York Times) ว่า แผนดังกล่าวอาจเริ่มต้นเร็วกว่าที่คาด โดยอาจเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้แทน
ปัจจุบัน ทางเลือกในการสมัครใช้งาน Netflix ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือราคา 15.49 เหรียญสหรัฐต่อเดือน ซึ่งหากจะมีแพกเกจที่ต้องรับชมโฆษณาเข้ามาด้วย ก็ควรจะมีราคาที่ถูกลงกว่านี้
ส่วนพนักงานที่ยังไม่อินกับเรื่องดังกล่าว เอกสารบันทึกภายในที่ส่งให้กับพนักงานของ Netflix ระบุว่า คู่แข่งอย่าง HBO และ Hulu ต่างก็มีโฆษณากันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรักษาชื่อเสียงของแบรนด์ไว้ได้ ในเวลานี้ การมีโฆษณาจึงอาจตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากกว่า เพราะเป็นการช่วยให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงนั่นเอง