บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2565 มีผลขาดทุนสุทธิ 29,421 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดเคลมประกันโควิดพุ่ง 23,260 ล้านบาท
“สินมั่นคง” สรุปไตรมาสแรกปี 2565 มีรายได้ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.79% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมาจากรายได้เบี้ยประกันภัย 2,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% ส่วนรายได้จากการลงทุนลดลง 17.54 ล้านบาท หรือลดลง 32.64% จากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมไตรมาสแรกปีนี้ เท่ากับ 31,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,313% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 2,236 ล้านบาท
– สาเหตุจากมีการสำรองความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุดในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 6,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เป็นผลมาจากสำรองเบี้ยประกันภัยค่าสินไหมโควิด-19
– สำหรับค่าสินไหมทดแทนไตรมาสแรกปีนี้ เท่ากับ 24,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,166 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,649% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแยกเป็นค่าสินไหมทดแทนประเภทอื่นๆ จำนวน 1,311 ล้านบาท และค่าสินไหมโควิดเท่ากับ 23,260 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากปี 2564
สรุปการรับประกันภัยในไตรมาสแรก ปี 2565 มีผลขาดทุนสูงถึง 29,421 ล้านบาท มาจากจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2564
จากปัญหาขาดทุนจนทำให้มีหนี้มากกว่าทรัพย์สิน “สินมั่นคงประกันภัย” จึงได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ศาลฯ ได้มีคำสั่ง “รับคำร้อง” ขอฟื้นฟูกิจการแล้ว โดยนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 เพื่อพิจารณาว่าจะมี “คำสั่ง” ให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่
– สินมั่นคงฯ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ขณะนี้มีจำนวนยอดเคลมสินไหมโควิด คงค้างอีกประมาณ 350,000 รายการ คิดเป็นค่าสินไหมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยยังไม่ได้รวมหนี้สินส่วนอื่น ๆ ทำให้ต้องยื่นฟื้นฟูกิจการ