ผู้บริหาร Booking.com เผยตัวเลขจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นการเดินทาง (Booking.com Travel Confidence Index) ที่สำรวจความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน 11,000 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรก พบ “อินเดีย-จีน-เวียดนาม” คือสามชาติที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวสูงสุด พร้อมหยอดยาหอมการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว
สำหรับรายงาน Travel Confidence Index มีการจัดทำมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นการจัดทำขึ้นครั้งแรกในปี 2022 นี้ โดย Booking.com บอกว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจทัศนคติ และมุมมองต่าง ๆ ของผู้เดินทางในภูมิภาคเอเชีย (จำนวน 11,000 คน ใน 11 ประเทศสำคัญ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และเวียดนาม ระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2022) และสิ่งที่พบจากรายงานชิ้นแรกนี้ก็คือ
จีนพร้อมเที่ยว 62% สนใจญี่ปุ่น-เกาหลีใต้มากที่สุด
ข้อมูล Booking.com Travel Confidence Index เผยว่า ถ้าประเทศจีนยกเลิกนโยบาย Zero Covid 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนจะเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศทันที และประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนตั้งใจจะไปเที่ยวสูงสุดนั้น คือญี่ปุ่น/เกาหลีใต้ (43%) รองลงมาคือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (28%) และประเทศในแถบโอเชียเนีย (19%) ส่วนระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวจีนตั้งใจว่าจะใช้ในการท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือ 1 สัปดาห์ (49%)
อย่างไรก็ดี คุณมิเชล เกา ผู้จัดการส่วนภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงของ Booking.com เผยด้วยว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนที่มีการกักตัวนักเดินทาง ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศยังทำได้ไม่เต็มที่ หลายประเทศที่คาดหวังรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้จึงอาจเป็นไปได้ยาก
ชาวอินเดีย 58% อยากเที่ยวพร้อมกันทั้งครอบครัว
ด้านนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งในรายงานเผยว่า มีความเชื่อมั่นในการเดินทางมากที่สุด ก็พบว่ามีความน่าสนใจเช่นกัน โดยหากพิจารณาจากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและระบบ Thailand Pass พบว่า นักท่องเที่ยวอินเดียคือกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 24 พ.ค. 2022) ถึง 100,884 คน
ทั้งนี้ คนที่นักท่องเที่ยวอินเดียอยากไปเที่ยวด้วยมากที่สุดก็คือ ครอบครัว (58%) รองลงมาคือท่องเที่ยวกับคู่สมรส 46% และเพื่อน 39% ส่วนสิ่งที่ผลักดันให้ชาวอินเดียออกไปท่องเที่ยวอีกครั้งก็คือ
- ความรู้สึกมั่นใจในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย 25%
- ต้องการพักเบรกจากการทำงาน 23%
- ต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ 22%
- เจอดีล หรือส่วนลดที่น่าสนใจ 20%
- ต้องการนำเรื่องราวการท่องเที่ยวไปแชร์บนโซเชียลมีเดีย 9%
จึงอาจเป็นการดีหากผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจะทราบอินไซต์ดังกล่าวและสร้างบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
ภาพรวมการท่องเที่ยว “กำลังฟื้น”
คุณลอรา โฮลด์สเวิร์ธ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Booking.com กล่าวถึงภาพรวมของการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่ากำลังฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากประเทศต่าง ๆ เริ่มมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง และเชื่อว่าผลสำรวจในครั้งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวเข้าใจถึงความต้องการและแรงจูงใจของผู้เดินทาง รวมถึงบทบาทของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต”
นอกจากนี้ ในภาพรวมที่ Booking.com พบก็คือ 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วภูมิภาคตั้งใจที่จะออกเดินทางในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกัน ความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายก็เป็นปัจจัยสำคัญที่พวกเขาเลือกพิจารณาเมื่อต้องวางแผนการเดินทางครั้งใหม่
76% ของคนไทยขอเที่ยวเพื่อชาร์จแบต
ส่วนประเทศไทย ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 70% โดยนักเดินทางจะเลือกเดินทางภายในประเทศก่อน และ 66% ของนักเดินทางชาวไทยพร้อมที่จะยอมรับข้อจำกัด หรืออุปสรรคที่อาจทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักได้
สำหรับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คือ “การไปพักผ่อนเพื่อชาร์จแบตและเติมพลังใจ” (76%) และเกือบสามในสี่ของนักท่องเที่ยวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดยส่วนมากเลือกการขับรถด้วยตัวเอง (74%) เป็นวิธีหลักในการเดินทาง รองลงมาคือเครื่องบิน (18%) และระบบขนส่งสาธารณะ (8%)
ส่วนประเภทของทริปท่องเที่ยวในประเทศที่คนไทยสนใจมากที่สุด ได้แก่
- เที่ยวทะเล (65%)
- สัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น (62%)
- การขับรถเที่ยว หรือ โรดทริป (45%)
คนไทยกังวลความปลอดภัยและค่าใช้จ่าย
เมื่อต้องวางแผนจองทริป ความกังวลหลักของผู้เดินทางชาวไทย คือ เรื่องความปลอดภัย (71%) ค่าใช้จ่าย (70%) และความสะดวกสบาย (64%) นอกจากความกังวลเหล่านี้แล้ว ความกลัวที่จะทำให้ครอบครัวและเพื่อนตกอยู่ในความเสี่ยงหรือมีอันตราย เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คนไทยกังวลเมื่อจะออกเดินทาง ซึ่งนับเป็นเปอร์เซ็นที่มากกว่าผู้เดินทางในเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าสามในสี่ (83%) เห็นด้วยว่า พวกเขาจะตัดสินใจไปเที่ยวทันทีหากมีงบประมาณที่เพียงพอ
กระแส “การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน” มาแรง
ในแง่ความยั่งยืน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 11 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง 63% ของคนไทยมีความตั้งใจที่จะท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้นเมื่อเทียบกับแนวโน้มโดยรวมของตลาด (52%) โดยพวกเขากล่าวว่ายินดีที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน นอกจากนี้ 57% ของคนไทยเข้าใจและยอมรับได้หากจะมีตัวเลือกที่พักให้เลือกน้อยลง ตราบใดที่ตัวเลือกที่พักเหล่านั้นมีนโยบายที่สนับสนุนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังมีข้อกังวลหลายประการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่สูงในการเข้าถึงการเดินทางแบบยั่งยืน (66%) ข้อจำกัดในการเข้าถึงตัวเลือกการเดินทางแบบยั่งยืนในขณะออกเดินทาง(60%) และตัวเลือกด้านการเดินทางแบบยั่งยืนยังขาดความชัดเจน (59%)
เมื่อความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ชาวไทยใส่ใจและให้ความสำคัญมากขึ้น Booking.com ได้เปิดตัวตราสัญลักษณ์ที่พักสำหรับการเดินทางอย่างยั่งยืน (Travel Sustainable property Badge) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยการคัดกรองที่พักรักษ์โลกที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และมีแนวทางดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลเชิงบวกต่อชุมชน มานำเสนอให้ผู้เดินทางได้เข้าถึงตัวเลือกความยั่งยืนได้อย่างง่ายดาย ในปัจจุบันมีที่พักมากกว่า 100,000 แห่งทั่วโลกได้รับป้ายสัญลักษณ์ดังกล่าวแล้ว
จับมือ Grab เรียกรถได้ผ่าน Booking
นอกจากนี้ ในแง่ของการแข่งขันในธุรกิจ OTA ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย โดยมีการให้บริการทั้งจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก รถแท็กซี่ และจัดส่งอาหาร และประกาศตัวจะขึ้นเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม OTA ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ทางผู้บริหารของ Booking.com เผยว่า มีการจับมือกับแกร็บ (Grab) ในระดับ Strategic Partnership เมื่อไม่นานมานี้ ( ปี 2020) เพื่อให้ผู้ใช้บริการของ Booking.com สามารถจอง – เรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ได้ โดยฟีเจอร์ดังกล่าวเปิดให้ใช้งานในทุกประเทศที่มี Grab ให้บริการ