สำหรับคนส่วนใหญ่ การค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตดูจะเป็นรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลที่ตรงไปตรงมาที่สุดรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น สิ่งเดียวที่ผู้ใช้อย่างเราต้องทำเมื่อเข้าสู่หน้าแรกของ Google ก็คือการป้อนคำค้นหาลงในช่องค้นหา แม้จะไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่เราก็สามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการค้นหาข้อมูลอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้รายใหม่เสมอไป
ความท้าทายที่กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ต้องเผชิญก็คือความยากลำบากในการป้อนคำค้นหา หลายคนพิมพ์ภาษาอังกฤษไม่ได้และไม่เข้าใจเรื่องการใช้คีย์เวิร์ด แต่เครื่องมือที่สั่งงานด้วยเสียงเริ่มเข้ามาช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ ขณะนี้กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่สามารถพูดใส่สมาร์ทโฟนของตัวเองในภาษาที่ต้องการ จากนั้นข้อความเสียงจะถูกแปลงเป็นข้อความค้นหา แล้วพวกเขาก็จะเห็นผลการค้นหาได้เช่นเดียวกับการพิมพ์คำค้นหาลงไป
เมื่อก่อนผู้ใช้อาจจะพิมพ์ข้อความว่า “สูตรอาหารเย็นง่ายๆ” แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถส่งเสียงถามออกไปว่า “สูตรอาหารเย็นง่ายๆ มีอะไรบ้าง” ตามด้วยคำถามต่อไปว่า “ฉันจะหาส่วนผสมเหล่านั้นได้ที่ไหน” เป็นต้น วิธีการนี้ทำให้การค้นหาเปลี่ยนไปจากเครื่องมือที่ให้คำตอบอย่างรวดเร็วเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ได้ลองสำรวจข้อมูลต่างๆ ได้ การสำรวจที่ว่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือใกล้ตัวที่มีประโยชน์สำหรับพวกเขา
นอกจากนี้ วิดีโอก็กำลังกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญของการค้นหาเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ต้องการประสบการณ์การค้นหาที่เน้นภาพมากกว่าข้อความ ซึ่งวิดีโอจะเข้ามาเสริมในจุดนี้ได้ เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจและเข้าใจได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังสื่อสารผ่านหลายประสาทสัมผัสไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าคอนเทนต์เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ได้มากขึ้น องค์กรต่างๆ จึงควรหันมาสร้างคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอเพิ่มขึ้น ส่วนแพลตฟอร์มการค้นหาก็ควรจะหันมาเน้นผลการค้นหาที่เป็นวิดีโอมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่น YouTube มีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยให้หน้าค้นหามีข้อมูลที่เป็นภาพสำหรับผู้ใช้มากขึ้น เช่น ภาพขนาดย่อ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูผ่านๆ แล้วสรุปได้ว่าคอนเทนต์ของวิดีโอนั้นเกี่ยวกับอะไร
อีกฟีเจอร์หนึ่งคือภาพที่มีการระบุเวลา ซึ่งจะแสดงหัวข้อต่าง ๆ ที่เป็นเนื้อหาในวิดีโอ และผู้ใช้สามารถข้ามไปยังหัวข้อที่ตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุดได้เลย ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เทคนิคการนวดแป้งขนมปังก็สามารถข้ามไปที่หัวข้อการนวดแป้งในวิดีโอสอนสูตรการทำขนมปังได้เลย โดยไม่ต้องดูตอนอื่นๆ เช่น การนำขนมปังออกจากเตาอบ
ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการจดจำภาพทำให้เกิดโหมดการค้นหาแบบใหม่ นั่นคือ การค้นหาด้วยภาพ ซึ่งต่างจากการค้นหาด้วยเสียงและข้อความที่ต้องอาศัยคำอธิบายที่มีความหมายเพื่อนำไปสู่ผลการค้นหา สำหรับการค้นหาด้วยภาพนั้น เราสามารถขยับเลนส์กล้องไปตามวัตถุเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ตัวอย่างเช่น Google Lens ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเล็งกล้องในโทรศัพท์ไปที่วัตถุชิ้นใดชิ้นหนึ่ง เช่น ชุดเดรสหรือต้นไม้ และจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุนั้น ๆ ในรูปของข้อความ
โลกเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่ที่เราสามารถค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผู้คนจากทุกหนทุกแห่งต่างต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับทุกเรื่อง และตราบใดที่ยังเป็นเช่นนั้น Google บอกว่า พวกเขาจะหาทางทำให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลในโลกใบนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ต่อไป