มร. คง วัน ลง ผู้ก่อตั้งร่วมและซีซีโอ จัสโค กล่าวว่า “ในปัจจุบัน รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแนวทางใหม่สำหรับการทำงานในปัจจุบันและอนาคต โดยทุกวันนี้ หลายธุรกิจที่สัญญาเช่ากำลังจะหมดลง เริ่มหันมาพิจารณาพื้นที่การทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เพื่อการวางแผนทางการเงินที่คล่องตัวขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากจำนวนสมาชิกของจัสโคในแต่ละสาขาที่มีสูงถึง 80% ทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีสมาชิกเข้าใช้บริการเต็มเกือบทุกสาขา จัสโค ถือเป็นพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาดได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น บรรษัทข้ามชาติ หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่ต้องการขยายฐานมาสู่กรุงเทพฯ”
“ในมุมมองธุรกิจ การขยายสาขาไปทั่วโลก จะช่วยให้เราสามารถมอบพื้นที่การให้บริการได้ดียิ่งขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ มีสมาชิกของจัสโคจำนวนไม่น้อยที่มีการดำเนินงานในระดับภูมิภาค การเป็นสมาชิกของจัสโคเพียงแห่งเดียว ก็สามารถเข้าใช้บริการสาขาที่มีมากกว่า 45 แห่งของเราได้ทั้งหมด พร้อมโต๊ะทำงานที่พร้อมรองรับสมาชิกได้มากกว่า 30,000 รายทั่วเอเชียแปซิฟิก” คง วัน ลง เสริม
คุณวิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย และอินโดนีเซีย จัสโค กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งกินระยะเวลามายาวนานกว่า 2 ปี แต่ฐานลูกค้าของจัสโคในประเทศไทยกลับเติบโตสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน เราให้บริการสมาชิกมากกว่า 6,000 รายในประเทศไทย เราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของจัสโค ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่น ราคาที่เข้าถึงได้ ทีมงานที่พร้อมให้บริการ ไปจนถึงทำเลที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกของเราได้ในระยะยาว และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”