HomePR Newsโรบินฮู้ด จับมือ Google Cloud และ MFEC เดินหน้าสร้าง “Super App” สัญชาติไทย

โรบินฮู้ด จับมือ Google Cloud และ MFEC เดินหน้าสร้าง “Super App” สัญชาติไทย

แชร์ :

Robinhood Strategic Alliance

โรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย และบริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจร (all-in-one travel service) ภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ประกาศจับมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Google Cloud และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) สู่ภารกิจสร้าง “Super App” สัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณสีหนาท ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “โรบินฮู้ดเป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินการบนระบบคลาวด์มาโดยตลอด ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เราเริ่มเห็นความต้องการบริการของเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยให้เราสามารถเติบโตแบบยั่งยืน และประหยัดค่าใช้จ่าย การจับมือกับ Google ในครั้งนี้ เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Google ที่มีโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์สำหรับข้อมูล ซึ่งปราศจากการปล่อยก๊าซระหว่างดำเนินการ และมีประสบการณ์มากมายในการเชื่อมโยงโลกเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการสร้างแพลตฟอร์ม และระบบนิเวศแบบเปิดกว้าง ความสามารถเหล่านี้บวกกับความเชี่ยวชาญด้านการใช้งาน และการให้คำปรึกษาทางเทคนิคของ MFEC จะช่วยยกระดับความสามารถของเราในการสร้างคุณค่าให้กับสังคมไปพร้อม ๆ กับการมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อความยั่งยืน”

คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์ม “โรบินฮู้ด” กล่าวว่า “รูปแบบธุรกิจที่แตกต่างของโรบินฮู้ดช่วยให้เราสามารถสร้างรายได้จากบริการอื่น ๆ เช่น การให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาในระบบนิเวศของเรา แทนการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์มซึ่งเป็นการตัดรายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรม ปัจจุบัน เรามีไรเดอร์ให้บริการส่งอาหารกว่า 30,000 คนมีร้านอาหารบนแพลตฟอร์มจำนวน 225,000 ร้าน และผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจโรงแรมกว่า16,000 แห่งทำให้โรบินฮู้ดกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้ใช้งานกว่า 2.8 ล้านราย ความร่วมมือกับ Google Cloud และ MFEC ในครั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างการตอบรับอย่างอบอุ่นที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของเรา ตลอดระยะเวลากว่า 20 เดือนที่ผ่านมา ก่อนขยายสู่บริการอื่นๆ ได้แก่ บริการจองทัวร์และกิจกรรม บริการเช่ารถ และบริการจองตั๋วเครื่องบิน รวมถึงบริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้า (Mart Service) และบริการรับ-ส่งของ (Express Service) เพื่อมุ่งสู่การเป็น Super App สัญชาติไทย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า”

ทั้งนี้ ความแตกต่างของโรบินฮู้ด คือการไม่เก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม (GP) เพื่อช่วยเหลือร้านค้าและไรเดอร์ ให้มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น และช่วยบรรเทาความยากลำบากทางการเงินที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องเผชิญในช่วงวิกฤตโควิด-19 และมีการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการเปิดให้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจร (all-in-one travel service) เมื่อไม่นานมานี้ด้วย

สำหรับการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะยึดพื้นฐานหลัก 5 ประการดังนี้

การพัฒนาผู้ที่มีทักษะและวัฒนธรรมที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม: โรบินฮู้ด, Google Cloud และ MFEC จะสร้างศูนย์ส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์ (CCoE) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ การจัดการข้อมูล และการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัยเพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมที่คล่องตัวในหน่วยธุรกิจของโรบินฮู้ด และเร่งสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พนักงานของโรบินฮู้ดจะได้ประโยชน์จากโปรแกรมการรับรองและการเพิ่มทักษะเฉพาะของ CCoE ซึ่งใช้หลักสูตรเดียวกันกับที่ Google ใช้เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของตนเอง พนักงานเหล่านี้จึงมีความรู้ความสามารถเพียบพร้อมในการจัดการการติดตั้งใช้งานระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ รวมถึงใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก

การยกระดับคุณภาพของบริการดิจิทัล: การย้ายระบบไปยังโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดของ Google Cloud ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) มีความปลอดภัย รองรับการขยายตัว ทำให้โรบินฮู้ด สามารถให้บริการในระบบนิเวศของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดปริมาณ carbon footprint ของปริมาณงานในทีมไอที จากนั้น CCoE จะทำให้เข้าถึงการใช้ Microservices และ Google Play Store เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันของลูกค้าและไรเดอร์ของโรบินฮู้ดยังคงมีประสิทธิภาพ เสถียร และใช้งานง่าย แม้ว่าจะมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ และมีผู้ใช้ในปริมาณมากก็ตาม

การมีส่วนร่วมที่เจาะจงมากขึ้นของผู้ใช้: CCoE จะสร้างและจัดการเครื่องมือสำหรับข้อมูลอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ระดับแนวหน้าของ Google อย่างเทคโนโลยี AI และ ML เพื่อช่วยให้พนักงานของโรบินฮู้ดรู้ทันและนำหน้ารูปแบบการบริโภคของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียดในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้าเหล่านั้นช่วยเพิ่มรายได้เพิ่มแหล่งรายได้ของผู้ขายเหล่านี้อีกด้วย

การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของไรเดอร์: โรบินฮู้ดจะสำรวจโดยใช้ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Google Maps Platform เพื่อติดตามการสร้างและการผสานรวมฟีเจอร์การขนส่งแบบออนดีมานด์อย่างรวดเร็ว เช่น การมอบฟีเจอร์การนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวในแอปหลังจากที่ระบุเส้นทางที่สั้นหรือเร็วที่สุดให้แก่ไรเดอร์ เพื่อให้ขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่งออเดอร์ได้เร็วขึ้น และมีรายได้มากขึ้น ผู้ใช้บริการส่งอาหารของโรบินฮู้ดจะเห็นการแสดงตำแหน่ง เส้นทาง สภาพการจราจร และเวลาถึงโดยประมาณของไรเดอร์แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือหรือยกเลิกออเดอร์น้อยลง

การให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย: หลังจากที่พบว่าการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างรวดเร็วสามารถเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจขนาดเล็กและไรเดอร์อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ โรบินฮู้ดจะพัฒนาแนวคิดริเริ่มด้านการสร้างนวัตกรรมร่วมกันกับ Google Cloud เพื่อใส่บริการ Virtual Banking และสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กลงในแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสมัครขอสินเชื่อเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่และจ้างพนักงานได้อย่างไร้รอยต่อ หรือให้ไรเดอร์สามารถเช่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้

คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO และประธานบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะพาร์ทเนอร์หลักของ Google Cloud และผู้พัฒนาระบบชั้นนำของประเทศไทย เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความมุ่งมั่นของโรบินฮู้ดในการก้าวสู่การเป็น Super App สัญชาติไทย โดย CCoE ที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทักษะสำคัญเกี่ยวกับระบบคลาวด์ การปรับใช้สถาปัตยกรรมระบบคลาวด์แบบเปิดกว้าง การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการกำกับดูแลข้อมูล และการติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชันอัตโนมัติ ทำให้โรบินฮู้ดสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ด้านประสิทธิภาพในวงกว้าง เพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนทางไอที คงไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุดสำหรับข้อมูลและมาตรฐานความเป็นส่วนตัว และส่งเสริมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เปิดตัวการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอีกด้วย”

คุณเอพริล ศรีวิกรม์ Country Manager, Google Cloud ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและการขนส่ง อีคอมเมิร์ซ บริการจองการเดินทางออนไลน์ และบริการทางการเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นประเภทธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตที่ฟื้นตัวขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 ดังนั้น การลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ และการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Google Cloud, Google Maps และ Google Play เพื่อปรับขนาดองค์กรอย่างยั่งยืน และสร้างนวัตกรรมในอัตราความเร็วสูง รวมถึงการขยายรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมไปสู่ประเภทธุรกิจใหม่ๆ ทำให้ โรบินฮู้ดสามารถก้าวสู่การเป็น Super App ระดับโลกที่ตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและปลดล็อกโอกาสในการเติบโตสำหรับทุกภาคส่วนในอนาคต”


แชร์ :

You may also like