แอปเปิล (Apple) เปิดตัวเครื่องมือรักษาความปลอดภัยระดับเอ็กซ์ตรีมในชื่อ Lockdown Mode สำหรับอุปกรณ์ของทางค่ายอย่าง iPhone, iPad และ Mac แล้ว โดยทางบริษัทอธิบายว่า ในบรรดาผู้ใช้งาน Apple นั้น อาจมีบางกลุ่มที่เจอกับภัยคุกคามขั้นสูงสุด การมีฟีเจอร์นี้เอาไว้ในเครื่องจะช่วยลดความเสี่ยงที่คนเหล่านี้จะถูกโจมตีโดยผู้ไม่ประสงค์ดีลงได้นั่นเอง
สำหรับการทำงานของ Lockdown Mode นั้น มีตั้งแต่
- บล็อกข้อความ โดยข้อความที่มีไฟล์แนบติดมาด้วย จะไม่สามารถเปิดได้
- บล็อกการเข้าเว็บต่าง ๆ ที่อาจมีการใช้เทคโนโลยีบางอย่างของจาวาสคริปต์แทรกอยู่ในเว็บ เว้นแต่ทางผู้เป็นเจ้าของจะระบุไว้ว่าเว็บไซต์นั้น ๆ อยู่ใน Trusted site หรือเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ก่อนแล้ว
- บล็อกการเชื่อมต่อผ่านสายกับคอมพิวเตอร์ หรือ Accessory อื่น ๆ
- บล็อกฟีเจอร์บางตัวของ Apple เอง เช่น ในกรณีที่มีการโทรผ่าน FaceTime ถ้าเจ้าของเครื่องไม่ได้เป็นฝ่ายโทรไปก่อน ฟีเจอร์นี้ก็จะถูกบล็อกเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดให้บรรดานักวิจัยด้านซีเคียวริตี้เข้ามาหาช่องโหว่ของ Lockdown Mode กันด้วย โดยมีเงินรางวัลให้สูงสุดถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายงานข่าวจากสื่อตะวันตกอย่าง CNN ระบุด้วยว่า กลุ่มคนที่อาจตกเป็นเป้าหมายของภัยคุกคามระดับ Extreme จนอาจต้องเปิดใช้ฟีเจอร์ Lockdown Mode นั้น ได้แก่ กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน นักข่าว หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาล ขณะที่ทาง Apple บอกว่า แม้คนกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนน้อยมากในบรรดาผู้ใช้งานอุปกรณ์ของ Apple ใน 150 ประเทศทั่วโลก แต่ก็ยังอยากให้โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พวกเขาใช้มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยดังกล่าวป้องกันเอาไว้อยู่ดีนั่นเอง
ทั้งนี้ Lockdown Mode จะถูกผนวกไว้ในระบบปฏิบัติการ iOS16, iPadOS 16 และ MacOS Ventura ที่กำลังจะเปิดให้อัปเดตกันในอีกไม่นานนี้ (ส่วน watchOS ยังไม่มีรายงานว่าจะใส่ฟีเจอร์นี้ลงไปหรือไม่) และก่อนที่ผู้ใช้จะเปิด Lockdown Mode ก็จะมีข้อความเตือนด้วยว่า เมื่อเปิดใช้แล้ว ตัวเครื่องจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ