ธุรกิจความงามไทยโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ปัจจุบันที่มีมูลค่าตลาดกว่า 35,000 ล้านบาท พูจอง คลินิก ได้ตอบรับนโยบายเปิดประเทศ เตรียมจัดกรุ๊ปทัวร์บิวตี้จากเพื่อนบ้านอาเซียน เร่งขยายสาขาให้ได้อีก 30 สาขาใน 5 ปี ยอดขายสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมเปิด Flagship Store Clinic สาขาใหม่ล่าสุดบนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร ที่สี่แยกพระราม 9 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รองรับการขยายตัวของธุรกิจศูนย์ความงามและศัลยกรรม พร้อมตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2569
คุณนพรัต ภัธยนันท์ (คุณชมพู่) ประธานบริษัท ผู้ก่อตั้งพูจองคลินิก เปิดเผยว่า “ในช่วงสถานวิกฤติการณ์ โควิด-19 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าคลีนิกความงามทั่วประเทศได้มีการถูกสั่งปิด และลูกค้าไม่สามารถมาใช้บริการในช่วงล็อคดาวน์ แต่เนื่องด้วยทาง พูจอง คลินิก ได้ใช้กลยุทธ์ในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องยังรักษาฐานลูกค้าตลอด 8 ปี ที่อยู่กว่า 20,000 ราย 11 สาขา ซึ่งเราได้ส่งข้อมูลความงาม ติดตาม สื่อสาร ไม่ให้ลูกค้าหลงลืมกัน พร้อมส่งรายละเอียดโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับลูกค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่สะดุดแม้ช่วงวิกฤติเราก็ยังมีการขยายสาขาพิ่ม ด้วยความเชี่ยวชาญที่มากขึ้น อีกทั้งเราได้เริ่มต้นธุรกิจแบบป่าล้อมเมือง จากสาขาแรกที่จังหวัดบุรีรัมย์เข้าสู่ส่วนกลาง ทำให้ช่วงโควิดบางพื้นที่ก็ไม่ได้รับผลกระทบ บางพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบน้อย จึงทำให้เรามียอดขายอยู่ในบางพื้นที่ และมีอัตราการเติบโตในธุรกิจขาขึ้นของเราทุกปี
อย่างไรก็ดีจุดเด่นของ พูจอง คลินิก เลยก็คือการที่เราดำเนินธุรกิจมานาน ทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์ คุณหมอหลายท่าน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและศัลยกรรมในหลาย ๆ ด้าน มาร่วมงานกับเรา ทำให้เราขยายรูปแบบอย่างครบวงจร จนกระทั่งในปีนี้ 2565 จึงได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท มุ่งขยายตลาดนี้ โดยเปิดสาขา Flagship Store ‘Bujeong clinic’ สาขาพระราม9 ด้วยพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร เพื่อรองรับการเติบโตที่สวนกระแสของธุรกิจศูนย์ความงามของไทย
ตอนก่อตั้งแบรนด์เราอยากสร้างชื่อให้จดจำได้ง่าย รวมทั้งสร้างเอกลักษณ์บางสิ่งบางอย่างด้วยการใช้เทคโนโลยีของเกาหลี ตัวยาของเกาหลี เป็นสิ่งที่คนไทยจับต้องได้ง่ายราคาไม่สูงจนเกินไป และได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ตอบรับกับกลุ่มลูกค้าเริ่มต้นที่อยู่ตามต่างจังหวัด ที่รู้จักและเข้าถึงความเป็นเกาหลีจึงสร้างชื่อแบรนด์ของเราว่า พูจอง คลินิก ซึ่งได้รับการตอบรับสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่งผลให้ฐานลูกค้าของเรามีขนาดใหญ่มากขึ้น ภายใต้สโลแกน สวยสุดไม่สิ้นสุด เพื่อให้บริการด้านความงามของคุณที่สามารถมาดูแลความสวยได้ตลอด สร้างความพึงพอใจแบบไม่มีที่สิ้นสุด ทางเรายังคงความใส่ใจลูกค้าทุกคนอย่างคนพิเศษ
ด้วยความที่เรารักในธุรกิจนี้จึงตั้งใจขยายธุรกิจในอีก 3–5 ปีข้างหน้า เราได้วางแผนขยายธุรกิจให้มีสปีดความเร็วมากขึ้นปีละ 5 สาขาขึ้นไป ตั้งเป้าให้ครบ 30 สาขา โดยมีการวางแผนการกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์และการตลาดในรูปแบบหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Presenter และใช้ Influencer มารีวิวด้านความงามจะช่วยให้การเติบโตของธุรกิจเชิงบวกได้อย่างทวีคูณ และเราต้องการวางรากฐานในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำการขายหุ้น IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ โดยรูปแบบการการขยายสาขาจะเน้นให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย ส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เน้นความลักซูรี่ ความสะอาด ความปลอดภัย โดยเฉพาะภายในห้องผ่าตัดเราใช้ระบบปรับอากาศและฟอกอากาศมาตรฐานสูง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราปรนนิบัติลูกค้าอย่างดี ถึงแม้เราจะมีบริการในราคาที่ไม่สูงมาก ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ โดยยอดขายในปี 2563 ทำยอดได้ ถึง 180 ล้านบาท และปีที่แล้ว 2564 ทำยอดขายได้ถึง 240 ล้านบาท และในส่วนของปี 2565 นอกจากแผนเปิดสาขาใหม่ แล้วเรายังมีการเปิดธุรกิจใหม่ Wellness และ SPA เพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงทำให้เป้ายอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 45–50% จากปีที่แล้ว”
คุณนพรัต เน้นย้ำว่า “หัวใจสำคัญของ พูจอง คลินิก ก็คือการเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานในเรื่องยาแท้และการแพทย์สูงมาก ลูกค้าสามารถตรวจสอบด้วยการสแกนบาร์โค้ดได้เพราะเลือกซื้อกับบริษัทยาชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ เยอรมัน อเมริกา เกาหลี ที่มีอย.การันตี เรายังได้รับรางวัลจากยอดการใช้ปริมาณยาในระดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้งนี้เรามีแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพด้านศัลกรรมและเสริมความงามแบบ 7 วัน ทุกสาขาเป็นความพิเศษที่พูจองมอบให้กับลูกค้า ในปีนี้เรายังได้พัฒนาโปรแกรมในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเป็น Application เชื่อมต่อความสัมพันธ์เพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเรา พร้อมให้คำปรึกษาด้านความงาม ดูแลหลังการศัลยกรรม การสะสมคะแนน ต่าง ๆ โดยปัจจุบัน พูจอง คลินิก ของเรามีอัตราการเข้าใช้บริการของลูกค้าต่อวัน 50–70 คนเลยทีเดียว โดยกลุ่มอายุอยู่ที่ 35–45 ปี ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมคือ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ นั่นเอง
นอกจากนี้ พูจอง คลีนิก ยังได้วางแผนที่จะทำ Platform E–Commerce รองรับในการขายมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ในอนาคต หรือการชำระค่าบริการ E Wallet การขายบัตรสมาชิก Beauty Privilege Card และนอกจากนี้ยังได้มีแผนการสร้างวิธีการขายในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทยในลักษณะตัวแทนหรือเอเจ้นท์ในการขายคอร์สเสริมความงาม และเตรียมที่จะเปิดตัวและสร้างแบรนด์สกินแคร์ ระดับแมสต่อไปในอนาคตอีกด้วย
โดยนอกจากนี้เมื่อไทยเราเปิดประเทศหลังจากโควิดแล้ว เราได้ร่วมทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านภูมิภาคอาเซียน โดยร่วมกับพันธมิตรใน ลาว เวียดนาม พม่า และเขมร ในการส่งลูกค้ามาทำศัลกรรมกรุ๊ป Beauty Group Tour เพื่อชวนมาใช้บริการที่ พูจอง คลินิก ในประเทศของเรา โดยเป้าหมายการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ในปี 2569 ก็เพื่อต้องการให้ลูกค้าของเราได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของแบรนด์ พูจอง คลินิก ด้วยกันนั่นเอง เรามองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยกับธุรกิจความงามไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการณ์ใด ๆ ก็ตาม เราจึงมั่นใจในการดำเนินธุรกิจศูนย์ความงาม เวชกรรม ศัลยกรรม อย่างจริงจัง โดยคาดหวังว่าเราจะสร้างธุรกิจให้เติบโตมีชื่อเสียงในระดับประเทศติดระดับ Top 10 แบรนด์ธุรกิจเสริมความงามและศัลยกรรมของประเทศไทยให้จงได้” คุณนพรัต ภัธยนันท์ กล่าวและทิ้งท้ายเอาไว้
ติดตามข้อมูลข่าวสาร พูจอง คลีนิก ได้ที่ https://web.facebook.com/bujeongclinic/?_rdc=1&_rdr และ https://www.bujeongclinic.com/