การทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) หรือการทำงานแบบยืดหยุ่นที่อนุญาตให้พนักงานไม่ต้องเข้าออฟฟิศได้ในบางวัน อาจกำลังทำให้พฤติกรรมของคนทำงาน ตลอดจนตารางการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย โดยมีการสำรวจจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่า พนักงานที่ได้รับโอกาสให้ทำงานแบบไฮบริดได้นั้นอาจจะทำงานน้อยลงในวันที่ได้ทำงานที่บ้าน แต่ไปทำงานเพิ่มในช่วงที่เข้าออฟฟิศ หรือวันหยุดสุดสัปดาห์แทน
การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นกับพนักงานในสายการตลาด, วิศวกร และสายการเงินจำนวน 1,612 คนของบริษัท Trip.com ในช่วงปี 2021 – 2022 ซึ่งบริษัทดังกล่าวเปิดให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ในวันพุธ และวันศุกร์ ส่วนวันอื่น ๆ ต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศแบบเต็มวัน
ผลสำรวจพบว่า ในวันที่พนักงานได้ทำงานจากบ้านนั้น พวกเขาอาจทำงานน้อยลงประมาณ 80 นาที แต่คนเหล่านี้จะไปทำงานเพิ่มเมื่อพวกเขาเข้าออฟฟิศ หรือยกงานไปทำงานในวันสุดสัปดาห์แทน โดยทำเพิ่มขึ้นราว 30 นาที
ติดนิสัยส่งข้อความ แม้กลับเข้าออฟฟิศก็ยังทำ
นอกจากนั้น พนักงานที่ Work From Home มีการส่งข้อความส่วนตัวผ่านโปรแกรมต่าง ๆ และทำวิดีโอคอลกับทีมงานมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศในบางวันด้วยก็ตาม
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุว่า การ Work From Home ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานในภาพรวม (ในกรณีที่ต้องมีการประเมิน เพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือน) และยังพบด้วยว่า ในบางตำแหน่ง เช่น โปรแกรมเมอร์ที่ได้รับสิทธิ์ Work From Home นั้น เขียนโค้ดได้เพิ่มขึ้นราว 8% เมื่อเทียบกับโปรแกรมเมอร์ที่เข้ามาทำงานในออฟฟิศด้วย
จากผลการศึกษาดังกล่าว ปัจจุบัน ทาง Trip.com ตัดสินใจเปลี่ยนระบบการทำงานเป็นแบบไฮบริดทั้งองค์กรไปแล้วเรียบร้อย นอกจากนั้น บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากก็มีการปรับใช้แนวทางดังกล่าวด้วยเช่นกัน