ครบรอบ 50 ปี “มาม่า” แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเบอร์หนึ่งในประเทศไทย ออกสินค้าใหม่มาทำตลาดต่อเนื่องตลอดปี หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ เปิดตัว “มาม่า” 3 รสชาติ รุ่นลิมิเต็ด ที่นำกลับมาผลิตและจำหน่ายใหม่ คือ รสข้าวซอยไก่,โฮลวีต รสหมูพริกไทยดํา และบะหมี่หยก รสเป็ดย่าง
ล่าสุดเปิดตัว “มาม่า” สินค้าใหม่ สูตร Less Sodium ด้วยปริมาณโซเดียมลดลง 32-43% เมื่อเทียบกับสูตรเดิม มี 4 รสชาติ ที่ได้รับความนิยมของคนไทย
– เส้นหมี่น้ำใส ลดโซเดียมลง 38%
– บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้ง ลดโซเดียมลง 43%
– บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้งน้ำข้น ลดโซเดียมลง 38%
– บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสหมูสับ ลดโซเชียมลง 32%
การเปิดตัวสินค้าใหม่ สูตร Less Sodium เป็นไปตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อเป็นสินค้า “ทางเลือก” ให้ผู้บริโภค โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยกินโซเดียมลดลง 14% โดยเฉลี่ยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 52 ซองต่อคนต่อปี
คุณเวทิต โชควัฒนา
สินค้าใหม่ราคาใหม่ซองละ 8 บาท
“มาม่า Less Sodium” ถือเป็นสินค้าใหม่ ผลิตด้วยต้นทุนใหม่ จำหน่ายราคาซองละ 8 บาท ขนาด 55-60 กรัม เป็นสินค้าใหม่ที่ได้แจ้งโครงสร้างต้นทุนและราคาขายกับกระทรวงพาณิชย์ตามขั้นตอนและได้รับอนุมัติแล้ว โดยจะเริ่มวางขายในทุกช่องทางช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้
คุณเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่าย “มาม่า” กล่าวว่าปกติการออกสินค้าใหม่ ต้องแจ้งต้นทุนและราคาให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาตามขั้นตอนอยู่แล้ว ที่ผ่านมา มาม่า ออกสินค้าใหม่ราคาใหม่ในกลุ่มพรีเมี่ยมมาทำตลาดต่อเนื่อง เช่น แบรนด์ มาม่า OK ซองละ 15 บาท หรือ มาม่า บะหมี่หยก ซองละ 10 บาท ส่วน “มาม่า Less Sodium” เป็นสินค้าใหม่ในกลุ่มพรีเมี่ยมเช่นกัน
ตั้งแต่ปี 2547 มาม่า ได้เปิดตัวแบรนด์ Oriental Kitchen มาทำตลาดในกลุ่มพรีเมี่ยม จากนั้นในปี 2561 ได้รีแบรนด์เป็น มาม่า OK ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมมีสัดส่วน 20%
รอพาณิชย์อนุมัติราคาใหม่ซองละ 7 บาท
ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้องเจอกับภาวะต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ น้ำมันปาล์ม ปรับขึ้น 110% ข้าวสาลี ปรับขึ้น 53% โดยทั้ง 2 วัตถุดิบนี้เป็นต้นทุน 50% ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังเจอภาวะต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน
ปัจจุบันสินค้า “มาม่า” แบบซอง 6 บาท เป็นสินค้าหลักสัดส่วน 80% ของยอดขาย เป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตพุ่งขึ้นสูง และ “มาม่า” ได้ยื่นรายละเอียดต้นทุนใหม่ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพื่อขึ้นราคาเป็นซองละ 7 บาท ถือเป็นการขอปรับราคาในรอบ 14 ปี ซึ่งยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา ขณะนี้สินค้าแบบซอง 6 บาท เริ่ม “ขาดทุน” แล้ว แต่ก็ยังรอกระทรวงพาณิชย์อนุมัติราคาใหม่ต่อไป
ตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปครึ่งปีแรกมีมูลค่า 8,000 ล้านบาท เติบโต 7% แต่คาดการณ์ทั้งปี 2565 เติบโต 3-5% ขณะที่กลุ่มพรีเมี่ยมเติบโต 15% ส่วนสินค้าพรีเมี่ยมมาม่าเติบโต 28% จากการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
อ่านเพิ่มเติม