ภายใต้แผน 5 ปี (2565 – 2569) ของ “กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล” (CRC) กับยุทธ์ศาสตร์ CRC Intelligent ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย โดยมีธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้แบรนด์ ท็อปส์ (Tops) เป็นอีกหนึ่งหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ
นั่นทำให้เซ็นทรัลแตกโมเดลที่หลากหลาย เพื่อรองการแข่งขัน พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ และปูพรมไปแล้วกว่า 130 สาขาทั่วประเทศ มีการขยายในรูปแบบ Tops Market เจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่บุคคลทั่วไป จนถึง Tops สแตนด์อะโลน และ Tops Food Hall พรีเมียมฟู้ดสโตร์ ที่ สุขุมวิท 39 และล่าสุด วันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา Tops เปิดตัวโมเดลใหม่ บนพื้นที่ที่แฟนๆ ลุ้นกันมานานว่า บริเวณหลังเซ็นทรัล พระราม 2 จะเป็นอะไร กระทั่งเฉลยออกมาแล้วว่า เป็น Tops Club
Brand Buffet พาไปทำความรู้จัก “Tops Club” ซูเปอร์มาร์เก็ตโมเดลใหม่ล่าสุดจากท็อปส์ ในเครือ Central Retail แพลตฟอร์มช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ในระบบสมาชิกที่ผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์แห่งแรกของไทย
ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงซื้อได้ – เน้นของนอก
1. ท็อปส์ คลับ (Tops Club) เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตโมเดลใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ New Shopping Experience ที่มีการนำระบบสมาชิกเข้ามาใช้ในการซื้อ-ขายสินค้า (คล้ายกับ costco ของอเมริกา) ประกอบด้วยสินค้าอุปโภค-บริโภค ของสด แห้ง ฯลฯ โดยมากกว่า 95% เป็นสินค้าอิมพอร์ตจากต่างประเทศ 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิตาลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน สเปน และเกาหลีใต้ ขณะที่สินค้าในประเทศอีก 5% ภายในร้านประกอบไปด้วยโซนต่างๆ ได้แก่
- สินค้าอุปโภค- บริโภค นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งของสด ของแห้ง มากกว่า 3,500 รายการ
- มุมสำหรับอาหารร้อนปรุงสำเร็จ เบเกอรี่ ที่พรีเมียมมากขึ้น
- มุมเฟอร์นิเจอร์ ของเล่น ฯลฯ
- บริการจัดส่งสินค้าฟรี ถึงบ้าน
2.นำร่องเปิดให้บริการแบบ Tops Club Pop-up Store ที่เซ็นทรัลพระราม 2 จนถึง 21 สิงหาคม 2565 เพื่อสร้างแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ก่อนจะเปิดในรูปแบบสโตร์ขนาดใหญ่ หรือ Flagship Store อย่างเป็นทางการแห่งแรก ที่เซ็นทรัลพระราม 2 (หลังเซ็นทรัลพระราม 2 Central Park เก่า) บนพื้นที่ 15,000 ตร.ม. ประกอบด้วย 3 อาคารขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน ในปลายเดือนกันยายน 2565 นี้
3.สำหรับการเข้าใช้บริการใน Tops Club จะต้องสมัครสมาชิกก่อนเข้าใช้บริการ ซึ่งขณะนี้ทางค่ายมีราคาพิเศษช่วง Early Bird ในราคา 799 บาท จากราคาปกติ 999 บาทต่อปี ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 พร้อมบริการจัดส่งฟรีแบบไม่มีขั้นต่ำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยการสมัคร 1 สมาชิก จะได้รับสิทธิ์ผู้ติดตามอีก 1 ท่าน นั่นเท่ากับว่า 1 สิทธิ์สมาชิกสามารถเข้าใช้บริการ 2 ท่าน (แต่ต้องเป็นเลขเบอร์โทรศัพท์และสมาชิกเดียวกัน)
นอกจากที่สาขาแล้วสมาชิกยังสามารถซื้อสินค้าผ่าน Tops Club App บน Android, iOS / นำ Digital Pass และสแกนเข้าหน้าสาขา ซึ่งแม้จะจำหน่ายเฉพาะสมาชิกแต่การชำระค่าบริการสินค้าสามารถทำได้หลากหลายทั้งผ่านบัตรเครดิต QRCODE หรือแม้กระทั่งเงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสะสมแต้มอัตโนมัติในบัตร T1 จากเซ็นทรัลได้
4.ในส่วนของการบริหารจัดการสินค้าภายใน จะเป็นการดึงสินค้าอิมพอร์ตจากท็อปเดิม เข้ามาวางจำหน่ายในราคาถูกกว่าในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เฉลี่ยตั้งแต่ 70 บาทขึ้นไปจนถึงหลักร้อยบาท อาทิ ถั่วพิทาชิโอ้ ที่วางจำหน่ายใน ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ราคา 799 บาท แต่ใน Tops Club จะจำหน่ายในราคา 699 บาท เป็นต้น เรียกว่ายิ่งซื้อบ่อย ซื้อจำนวนมาก ยิ่งคุ้มค่า เหมาะสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้านำเข้าเป็นประจำ โดยไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ
5.ลำดับถัดไป Tops Club จะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์หลักอย่าง “ป่าล้อมเมือง” แนวคิดหลักที่ทาง Tops Club จะนำมาใช้การขยายสาขาในอนาคต เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกลูกค้าให้ไม่ต้องเดินทางเข้าใจกลางเมืองเพื่อซื้อสินค้านำเข้าอย่างในปัจจุบัน โดยเฟสแรกของการขยายสาขาจะเน้นในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้ง ย่านบางนา , ปทุมธานี, ลำลูกกา ในทำเลที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งชุมชน หมู่บ้านตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป รองรับการขยายของชานเมืองในรูปแบบสแตนด์อะโลน โดยไม่จำเป็นต้องขยายไปตามสาขาของบริษัทแม่อย่างเซ็นทรัลแต่อย่างใด ซึ่งจะแตกต่างจาก Tops Market แบบเดิมที่เน้นขยายสาขาตามศูนย์การค้าและบริษัทแม่เป็นหลัก