หลังจากต้องเจอกับวิกฤตถาโถมเข้ามาอย่างหนักและยาวนานกว่า 2 ปี ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง ส่งผลให้ความสุขในการใช้ชีวิตของคนไทยลดลง เพราะไม่เพียงจะออกจากบ้านได้น้อยลง ยังต้องรัดเข็มขัดจากรายได้ที่ไม่มั่นคง ทว่ารายจ่ายกลับไม่ลดลงจากค่าครองชีพที่ดีดตัวสูงขึ้น
แต่ผลสำรวจล่าสุดของ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัทในเครือฯ บริษัท สไปซี่ ฮาคูโฮโด จำกัด ในหัวข้อ “การคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนสิงหาคม” พบว่า ความสุขคนไทยกลับมาพุ่งอีกครั้ง และความต้องการในการจับจ่ายเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะยังคงอยู่ และภาวะเงินเฟ้อยังสูงต่อเนื่อง ตามมาดูกันว่าสินค้ากลุ่มไหนได้รับความนิยมและผู้บริโภคต้องการมากสุด เพื่อเป็นแนวทางสำหรับแบรนด์และนักการตลาดในการวางกลยุทธ์มัดใจกลุ่มลูกค้า
ความสุขคนไทยเพิ่มขึ้น เน้นจับจ่ายสินค้าเพื่อความสุข
หลังรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติและมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น โดยผลสำรวจพบว่า ความสุขของคนไทยโดยรวมอยู่ที่ 67% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและอยู่ในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 อีกทั้งแนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายของคนไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงมองหาแต่ของใช้ที่จำเป็น หรืออาหาร แต่ผู้บริโภคเริ่มมองหาการซื้อความสุขให้ตนเอง เพิ่มโอกาสในการออกไปท่องเที่ยว สังสรรค์ และรับประทานอาหารนอกบ้าน เพื่อเติมความสุขให้ตนเองและครอบครัว
โดยสินค้า 10 อันดับแรกที่ผู้บริโภคต้องการจับจ่ายมากที่สุด คือ
1.อาหารและเครื่องดื่ม 23%
2.ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน 13%
3.โทรศัพท์มือถือ, สมาร์ทโฟน 10%
4.เสื้อผ้า 6%
5.ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 6%
6.คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต 5%
7.ท่องเที่ยวในประเทศ 4%
8.ทานอาหารนอกบ้าน 4%
9.น้ำมันรถ 4%
10.เครื่องใช้ไฟฟ้า 4%
“งาน-เงิน” 2 เรื่องหลักที่คนไทยสนใจมากสุด
หากแบ่งสัดส่วนตามภาค พบว่า คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มในการใช้จ่ายสูงสุด เพิ่มขึ้นถึง 15% เนื่องจากผู้คนเริ่มกลับไปทำงานนอกบ้าน นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสทั้งการงานและการค้าขาย ในขณะที่ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นใช้สอยกับเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องค่าน้ำมัน เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเดินทางและประกอบอาชีพ แต่หากจำแนกเป็นช่วงอายุ พบว่า กลุ่มอายุ 20-29 ปี มีแนวโน้มที่จะจับจ่ายของเพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มนี้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมานาน เพราะพวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับไปเข้าสังคมอีกครั้ง จึงอยากใช้เงินเพื่อ Upskill และเพิ่มความสวยงามในตนเอง
นอกจากนี้ ยังพบว่า สิ่งที่คนไทยให้ความสนใจมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เรื่องงานและเงิน เพราะเน้นสร้างความมั่นคง และมีเงินใช้จ่ายได้เต็มที่ สร้างความสุขให้ตัวเองและครอบครัว ส่วนประเด็นข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ซาลงต่อเนื่อง แต่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงอยากขุดคุ้ยสิ่งรอบตัวในเชิงลึกมากขึ้น และต้องการคำตอบที่ชัดเจนเพื่อเดินหน้าต่อไป เช่น กระแสผู้ว่าฯ คนใหม่ ข่าวเกี่ยวกับปากท้อง เงินเฟ้อ และสภาวะเศรษฐกิจ ทำไมราคาน้ำมันแพง หรือทำไมราคาข้าวของแต่ละอย่างจึงประกาศขึ้นราคา
แนะแบรนด์พัฒนาสินค้า-บริการ และจริงใจกับลูกค้า
เมื่อความต้องการในการจับจ่ายของคนไทยเริ่มกลับมา ทางทีมวิจัยได้ให้คำแนะนำว่า แบรนด์ควรสร้างโอกาสให้กับสินค้าและบริการของตนเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาภาพลักษณ์ภายนอก ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม หรือการ Upskill ด้านต่างๆ เช่น การเรียน การซื้ออุปกรณ์เพื่อเสริมการทำงาน หรือ แคมเปญฉลองการ ‘กลับไปใช้ชีวิตนอกบ้าน’ ในช่วงเทศกาลวันแม่ วันเกิด หรือวันหยุดยาวเพิ่มโอกาสในการออกไปท่องเที่ยว ออกไปทำงาน ออกไปเรียน เพื่อเติมความสุขให้ตนเองและครอบครัว
ขณะเดียวกัน ต้องแสดงจุดยืน ความโปร่งใส และจริงใจต่อผู้บริโภค ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะในสถานการณ์ที่ข้าวยากหมากแพง ผู้คนยังต้องซื้อของกินของใช้ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แบรนด์ควรแสดงจุดยืนผ่านการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา เช่น อธิบายเหตุและผลต่อผู้บริโภคอย่างชัดเจนถ้าหากร้าน แบรนด์ มีความจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า หรือหาทางช่วยผู้บริโภคด้วยการตรึงราคาสินค้าเท่าที่ไหว
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand