“ตัน ภาสกรนที” ประสบความสำเร็จในฐานะผู้บุกเบิกตลาดชาเขียวพร้อมดื่มเมืองไทย จนประสบความสำเร็จ มีส่วนผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มหลายหมื่นล้านบาทตลอดช่วงหลายที่ผ่านมา ทั้งปั้นแบรนด์เองและในช่วงหลังเขา Utilize โรงงานของตัวเองรวมทั้งกระจายความเสี่ยง ด้วยการ “รับจ้างผลิต” (OEM) และในวันนี้เขาคือเบื้องหลังของแบรนด์ “Titanium Power” เครื่องดื่มชูกำลังน้องใหม่ที่กำลังเตรียมรุกตลาดเมืองไทยในช่วงเดือนตุลาคม 2565
ด้วยมูลค่าตลาดเครื่องดื่มนอนแอลอฮอล์ของเมืองไทยมูลค่าหลายแสนล้านบาท ที่ฟื้นตัวแล้ว 0.4% ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดชูกำลังมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท แม้ในตลาดแมสจะยังไม่พื้นตัวมากนัก หากแต่ในตลาดพรีเมี่ยมที่มีสัดส่วนอยู่ราว 10% เริ่มเติบโตสวนกระแส ทำให้หลายผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ เริ่มหาพื้นที่เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในไทย ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนใหญ่จากจีนรายนี้เริ่มสนใจและมองหาโอกาสการทำตลาดในไทย
รับจ้างผลิต (OEM) กุญแจดอกแรก หวนคืนตลาด Energy Drink
“อิชิตัน กรุ๊ป” เคยพยายามก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังมาแล้ว แต่ก็ต้องถอยออกไป แต่ในวันนี้ อิชิตัน กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาด Energy Drink เมืองไทย อีกครั้ง หลังการประกาศเป็นผู้ผลิต (OEM ) เครื่องดื่มชูกำลังให้น้องใหม่ “Titanium Power” โดยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน
ด้วยจุดแข็งการมีเครื่องจักรที่ทันสมัย สามารถปรับเปลี่ยนไลน์การผลิตเพื่อรองรับธุรกิจ OEM ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังมี Know How ในการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังมาก่อน นั่นคืออีกหนึ่งจุดแข็งอิชิตันใช้ในการผลิตครั้งนี้ โดยมีโรงงานหลักอย่างอิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ เป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1,200 ล้านขวดต่อปี มีห้องทดลองการผลิต (pilot plant) ที่ช่วยลดต้นทุนการพัฒนาสินค้าต้นแบบให้ลูกค้าได้สูงถึง 80% เมื่อเทียบกับการผลิตจริง ให้บริการแบบ one-stop-service ภายใต้มาตรฐานการผลิตในระดับโลก
ทำให้ปีนี้ OEM ไฮไลท์ของอิชิตันคือ “Titanium Power” มีสื่อโฆษณาออกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่ง Titanium Power เป็นเอ็นเนอร์จี้ดริ้ง สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่สื่อสารแบรนด์ผ่านศิลปินกลุ่มแร๊พเปอร์อันดับหนึ่งตลอดกาลอย่าง Titanium เข้ามาเป็น “Brand Endorser” ในการทำตลาดเมืองไทย วางจำหน่ายเดือนตุลาคม
คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงวิธีคิดในการทำงานตามแบบฉบับตัวเอง ที่ฝ่ามาแล้วแทบทุกมรสุม มีทั้งแพ้ ทั้งชนะบ้างปะปนกันไปว่า การไม่ประสบความสำเร็จเป็นประสบการณ์ เรายังไม่ยอมแพ้ ถือเป็นการเรียนรู้ ไม่ใช่ชีวิตนี้อิชิตันจะไม่ทำเครื่องดื่มชูกำลัง เพียงแต่เราไม่เอาบริษัทไปทุ่ม รอเวลา สักวันเราก็คงเจอทางของเรา ไม่ใช่เราจะไม่ทำ ไม่ยอมแพ้ ยังจะทำอยู่ ดูกำไรขาดทุน เมื่อไรที่มีโอกาสหรือแนวโน้มที่ดีก็พร้อมทันที
“ในมุมของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง การที่เราไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือ ประสบการณ์ อย่าเพิ่งไปยอมแพ้ แพ้ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แต่ครั้งที่ 3 อาจชนะก็ได้ ให้ทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ เรียกว่าเป็นการแพ้เพื่อทางผ่านของชัยชนะ ถึงวันหนึ่งอาจจะเห็นเรากลับมาทำเครื่องดื่มชูกำลังอีกรอบก็ได้เพียงแต่ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม” คุณตัน ภาสกรนที กล่าวเมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการหวนรุกตลาด Energy Drink อีกครั้ง
“แพ้เพื่อทางผ่านชัยชนะ” จุดสิ้นสุด ที่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
หากย้อนเส้นทาง “อิชิตัน” ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อพฤษภาคมปี 2560 กับการประกาศจดทะเบียนบริษัทย่อยในนาม บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังโดยเฉพาะ กับแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “T247” ที่เปิดตัวพร้อมขนาด 280 มล. 2 รสชาติ สูตรโสมและน้ำผึ้ง สูตรคอลลาเจนและซิงค์ ออกมาทำตลาด
ซึ่งในขณะนั้นเป็นการเปิดตัวมาเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับองค์กรต่อจาก ไบเล่ และเย็น เย็น ในขณะนั้น ก่อนที่จะยุติการทำตลาด “T247” ในปี 2562 ในวันนี้ ตัน ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขาจะกลับมาปั้นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ของตัวเองอีกหรือไม่ แต่สำหรับ “ตัน” บุรุษที่ไม่เคยมี “ทางตัน” คนนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้
อาณาจักร “อิชิตัน” กับการทำสินค้าใหม่ ที่เติมพอร์ต Non-Tea ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ “อิชิตัน” ประกาศกลยุทธ์ 3N ได้แก่ New Product ,New Market และ New Business เพื่อมองหาโอกาสทางการเติบโตใหม่ๆ ในน่านน้ำใหม่ ที่ไม่เพียงแต่จำกัดในธุรกิจเครื่องดื่ม หากแต่ยังหมายถึง โอกาสทางธุรกิจ การเข้าซื้อกิจการ การขยายตลาดใหม่
สำหรับโปรดักท์เดิม อิชิตัน เดินหน้าเติมพอร์ตโฟลิโอ สร้างโอกาสทางการเข้าถึง ด้วยการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้าง brand awareness ผ่านสินค้าคุณภาพ รสชาติ อร่อย และหลากหลาย และต้องสอดรับเทรนด์สุขภาพด้วย ไล่เรียงมาตั้งแต่ แบรนด์ “อิชิตัน” ได้เตรียมเปิดตัว 2 รายการใหม่ในกลุ่มชาพร้อมดื่ม ทั้งชาเขียวมะลิและอู่หลง
ตามมาด้วยแบรนด์ “เย็นเย็น” จะเปิดตัวรสชาติใหม่ “รสบ๊วย ผสมสมุนไพร” เครื่องดื่มรสชาติยอดฮิตจากจีนและไต้หวันที่ได้รับความนิยมกว่า 20 ปี มาสู่คนไทย โดยเตรียมวางจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ ใน 2 ขนาด ราคา 10 และ 15 บาท ตั้งเป้ายยอดขาย 70 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าสู่ท็อป 3 ในตลาดชาพร้อมดื่ม
และการเปิดตัวแบรนด์ไฮไลต์ในกลุ่ม Non-Tea กับเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) แบรนด์น้องใหม่ “ตันซันซู” (TANSANSU) ที่มาจากภาษาเกาหลีแปลว่า “น้ำอัดลม” เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น มาพร้อมคอนเซ็ปต์เครื่องดื่มอัดลมที่ถือเท่แบบ K-Pop ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการราวเดือนตุลาคมนี้ โดยตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาทต่อปี
ผลจากการเดินหน้าดังกล่าว ทำให้แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 3 คาดการณ์ว่าจะสามารถผลักดันยอดขายตั้งเป้าการเติบโต 25% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 4 ผลประกอบการดีขึ้นจากไตรมาส 3 หลังผลประกอบการของสินค้าที่รับ OEM เริ่มออกวางจำหน่ายแล้ว
ทั้งหมดเพื่อบรรลุเป้าหมายยอดขายตลอดทั้งปีจะทำให้อิชิตันมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 24% ในสิ้นปี 2565 ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปีที่ผ่านมามีรายได้ โดยวางเป้าหมายระระยาวในอีก 3 ปีข้างหน้า (2567) บริษัทคาดว่าจะผลักดันยอดขายได้ในระดับหมื่นล้านบาท
ชาเขียวครองแชมป์โตสูงสุด “อิชิตัน” เร่งปั๊มชาเขียวบุกไทย-เทศ พร้อมส่ง “ตันซันซู” น้ำอัดลมน้องใหม่บุกตลาด ตุลาคมนี้