HomeHR & ManangementAdecco เผย 3 ทักษะจำเป็นที่ CPO ต้องมีในปี 2027 เพื่อรับมือกับการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม

Adecco เผย 3 ทักษะจำเป็นที่ CPO ต้องมีในปี 2027 เพื่อรับมือกับการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม

แชร์ :

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

การดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ต้องเจอกับความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งสถานการณ์โควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี (Digital Disruption) ส่งผลให้สภาพแวดล้อมและการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อบวกกับคนในองค์กรมีเจนเนอเรชั่นหลากหลาย และพฤติกรรมแตกต่างกัน การบริหารคนด้วยรูปแบบและทักษะเดิมๆ จึงไม่สามารถจะผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วได้ต่อไป ทำให้ ผู้นำด้านการบริหารคน หรือ Chief People Officer (CPO) ต้องปรับตัว และหมั่นเติมทักษะใหม่ๆ เพื่อรับมือกับโลกการทำงานยุคใหม่

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

อะไรคือ ทักษะที่ CPO ยุคนี้ “ต้องมี” เพื่อรับมือกับการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม The Adecco Group ได้เผยงานวิจัยล่าสุด หัวข้อ The Chief People Officer of the Future: How is the Top People Management Role Changing as the World of Work Evolves? จากการสำรวจผู้บริหารระดับสูง 122 คน ในบริษัทชั้นนำทุกทวีปทั่วโลก โดยพบเทรนด์ 3 ทักษะจำเป็นของผู้นำ HR ที่ต้องมีดังนี้

ได้เวลา HR ปรับโฟกัส สู่ HR Tech และ Data Analytics

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ การบริหารจัดการคนกลายเป็นงานที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่งานดูแลคนหลังบ้านอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ เพราะต่อให้องค์กรมีกลยุทธ์แปลกใหม่ แต่ถ้าคนในองค์กรไม่เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทักษะใหม่ๆ การจะผลักดันธุรกิจให้เติบโตและก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนย่อมไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

เมื่องาน HR กลายเป็นงานที่สำคัญต่อการบริหารธุรกิจ ผลการสำรวจพบว่า 87% ของผู้บริหารระดับสูง มองว่า งานที่ CPO ต้องหันมาโฟกัสมากขึ้น อันดับแรก คือ งานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น HR Tech และ People Analytics ที่จำเป็นต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้สมัครและพนักงานเพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองลงมาคือ งานที่เกี่ยวข้องกับการ Transform องค์กร ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ สร้างวัฒนธรรมองค์กร และทดลองแนวทางใหม่ๆ ในการบริหารพนักงาน

ที่มา : https://adecco.co.th/

ส่วนงานที่ HR ควรใช้เวลาให้น้อยลงมากสุดคือ การปรับขั้นตอนการทำงานให้ Lean ขึ้น เพื่อลดเวลาที่ใช้กับการบริหารจัดการในทีม รองลงมาคือ กฎระเบียบต่างๆ เพื่อจะได้มีเวลาโฟกัสงานที่เป็น Priority สำหรับองค์กรมากขึ้น รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์องค์กร การทำ Networking กิจกรรมกระชับสัมพันธ์ และงานซัพพอร์ต CEO

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ส่วนงานที่มีแนวโน้มจะใช้งานระบบ Automation มากที่สุดในอนาคตคือ งานด้าน Employee Attraction เช่น การโพสต์ประกาศรับสมัครงาน การทำโฆษณารับสมัครงาน (75%) รองลงมาคือ งานด้าน Employee Onboarding และ Employee Assessment (71%) เช่น การอบรมพนักงานเบื้องต้น การประเมินทักษะผู้สมัครและพนักงาน

ส่วนงานที่ผู้บริหารมองว่ายังต้องพึ่งพาคนอยู่มากและน่าจะใช้ AI เข้ามาทดแทนได้ยาก 3 อันดับแรก คือ

1.งานด้าน Employee Promotion ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลื่อนขั้นให้ใคร (51%)

2.งานด้าน Employee Selection ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกผู้สมัครเข้ามาทำงานในขั้นตอนสุดท้าย (56%)

3.งานด้าน Employee Evaluation ที่ต้องพึ่งพาคนในการสื่อสารและให้ฟีดแบ็คกับพนักงาน (58.2%)

ที่มา : https://adecco.co.th/

แม้ผู้บริหารจะมองว่างาน 3 ส่วนนี้จะใช้ AI เข้ามาช่วยงานได้ยาก แต่ ตัวเลขที่เกิน 50% นี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในแทบทุกส่วนงาน ดังนั้น คนทำงานด้าน HR จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในการปรับทักษะด้าน HR Tech และ Data Analytics เพื่อให้พร้อมรับมือกับรูปแบบการทำงานที่กำลังจะเปลี่ยนไป

3 ทักษะที่ CPO ยุคนี้ต้องมี

จากบทบาทของผู้นำ HR ที่เปลี่ยนไป ทำให้คุณสมบัติและทักษะที่มีจำเป็นต้องเปลี่ยนตาม การสำรวจพบว่า  90% ของผู้บริหารมองว่า ความรู้ความเข้าใจด้าน Data Analytics และ People Analytics เป็นทักษะที่ CPO จำเป็นต้องมีใน 5 ปีข้างหน้ามากที่สุด

รองลงมาคือ ทัศนคติที่เปิดกว้างพร้อมจะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ (88%)

และทักษะท้ายสุดคือ ความรู้เกี่ยวกับ HR Tech (87%)

ส่วนในอีก 20 ปีข้างหน้า จากการสำรวจพบว่า ทักษะด้าน Creative Thinking หรือทักษะความคิดสร้างสรรค์และการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด (87%) เนื่องจากในอนาคตจะมีการใช้ระบบ Automation เข้ามาผสมผสานในแทบทุกส่วนงานของ HR ดังนั้น ผู้บริหารจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความรู้ความเข้าใจที่จะต่อยอดการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำมาใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับ 5 ทักษะจำเป็นที่ HR ควรมี เพื่อก้าวสู่การเป็น CPO ในอนาคต คือ

1.ทักษะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี

2.ทักษะทางสังคมและอารมณ์ โดยเฉพาะทักษะ Empathy และ Emotional Intelligence เพราะการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพนักงานและทำให้พวกเขามีความสุขในการทำงานจะช่วยทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างความสำเร็จให้กับองค์กร รวมไปถึงภาวะผู้นำที่จำเป็นอย่างมากในการบริหารคน

3.ทักษะในการแก้ไขปัญหา เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเปิดรับที่จะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ

4.ทักษะที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบ เช่น ทักษะการคิดและวิเคราะห์เชิงระบบ ทักษะการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นต้น

5.ทักษะด้านการบริหารจัดการทรัพยากร เช่น ทักษะการบริหารจัดการด้านการเงิน ทักษะการบริหารเวลา เป็นต้น

ที่มา : https://adecco.co.th/


แชร์ :

You may also like